แต่หากเป็นพื้นคอนกรีตน้ำฝนก็จะกระเด็นไปได้รอบทิศทางจนเกิดน้ำท่วมขังในบางจุดของบ้าน หรืออาจจะไหลกระเด็นไปยังบ้านข้างเคียงทำให้เกิดปัญหากับเพื่อนบ้านตามมาได้ แต่ไม่ต้อง กังวลไปครับ เพราะปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการติดตั้งรางน้ำฝน ซึ่งแบรนด์ชั้นนำอย่าง SCG ก็มีให้เลือกใช้ แต่จริงๆ แล้วรางน้ำฝนมีแบบไหนบ้าง และ รางน้ำฝนแบบไหนที่เหมาะกับเมืองไทยที่ สุด HomeGuru มีคำตอบมาฝากกันครับ
1. รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส
ไฟเบอร์กลาส คือ เส้นใยของแก้วที่นำมาผ่านกรรมวิธีปั่นจนเป็นเส้นละเอียดเพื่อใช้เป็นวัสดุเสริมแรงในพอลิเมอร์หลากหลายประเภท ซึ่งคุณสมบัติของเส้นใยแก้วนี้จะมีความแข็งแรง ทนต่อแรงดึง สนิม และการกัด
กร่อนสูง ข้อดีของรางน้ำฝนประเภทนี้จึงเป็นเรื่องความทนทาน มีน้ำหนักเบา และสามารถเชื่อมรอยต่อให้เป็นเนื้อเดียวกันได้ แต่ข้อเสียคือขั้นตอนการติดตั้งที่ต้องมีการตัด เจาะ หรือการเชื่อมรอยต่อด้วยน้ำยาเพื่อ
ประกอบหน้างานอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ และหากติดตั้งแบบลอยตัวก็จะเห็นโครงรับรางที่ดูไม่เรียบร้อยสวยงามครับ
2. รางน้ำฝนเหล็กชุบสี
การผลิตรางน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุเหล็กชุบสี จะเป็นการนำเหล็กที่มีความแข็งแรงมาผ่านกรรมวิธีกันสนิม จากนั้นจึงชุบสีให้สวยงามอีกชั้นหนึ่ง ข้อดีของรางน้ำฝนประเภทนี้คือความแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีสีสันให้
เลือกใช้หลากหลาย เข้ากับสีของแผ่นหลังคาบ้านส่วนใหญ่ และมีระบบสำเร็จรูปสำหรับประกอบหน้างานครับ ส่วนข้อเสียคือคุณภาพของเหล็กจะขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ซึ่งมีการผลิตออกมาหลายเกรด ราคาค่อนข้างสูง
มักต้องสั่งผลิตโดยมีจำนวนขั้นต่ำในการสั่ง และมักจะใช้เวลาในการผลิตและนำเข้านาน รวมทั้งหากติดตั้งแบบลอยตัวก็จะเห็นโครงรับรางที่ดูไม่เรียบร้อยสวยงามครับ
3. รางน้ำฝนสแตนเลส
เป็นรางน้ำฝนที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นโลหะที่ไม่เป็นสนิม มีมากมายหลายยี่ห้อ ที่ผลิตออกมาในรูปแบบรางน้ำฝนตะเข้ การผลิตรางน้ำฝนสแตนเลสโดยส่วนมากมักจะใช้สแตนเลสเกรด 304 ซึ่งมีความหนา
สามารถพับขึ้นรูปได้แบบสังกะสี แต่มีความแข็งแรงทนทานมากกว่า มีอายุการใช้งาน 10 ปีขึ้นไป
4. รางน้ำฝนสังกะสี
แผ่นเหล็กเคลือบสังกะสี หรือแผ่นสังกะสีนั้นเป็นวัสดุอีกประเภทที่สามารถนำมาผลิตเป็นรางน้ำฝนได้ ซึ่งรางน้ำฝนสังกะสีในอดีตนั้นเป็นที่นิยมมาก เพราะเป็นวัสดุที่หาซื้อได้ง่าย ราคาถูก มีความหนาให้เลือกหลาก
หลายขนาดตามความพอใจ สามารถตัดและพับขึ้นรูปได้ตามรูปแบบและขนาดที่ต้องการ สามารถติดตั้งได้โดยช่างทั่วไปในท้องถิ่น แต่เป็นรางน้ำฝนที่มีอายุการใช้งานสั้น เนื่องจากเป็นสนิมและผุกร่อนได้ง่าย มีความ
ยาวจำกัดจึงต้องมีการเชื่อมต่อหลายจุดจึงมักมีปัญหารั่วซึมบริเวณรอยเชื่อมต่อ อีกทั้งยังเสียงดังรบกวนเมื่อฝนตกกระทบ และหากติดตั้งแบบลอยตัวก็จะเห็นโครงรับรางดูไม่เรียบร้อยสวยงามครับ
5. รางน้ำฝนไวนิล
ไวนิล คือ โพลิเมอร์สังเคราะห์ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวแตกต่างจากวัสดุแบบอื่น ๆ ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะ รางน้ำฝนไวนิล SCG ที่มีกระบวนการผลิตที่ใช้พลังงานต่ำ ไม่เป็นพิษ
สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100% คุณสมบัติเด่นของไวนิล คือ ไม่เป็นสนิมตลอดอายุการใช้งาน ไม่ลามไฟ แข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อมทั้งแดดและฝนได้ดี เหมาะสำหรับใช้งานภายนอกบ้าน มีอายุการใช้งาน
เฉลี่ยประมาณ 10 ปีขึ้นไป ดูทันสมัย สวยงาม เข้ากับบ้านได้ทุกแบบทุกสไตล์ เมื่อติดแล้วจะยาวต่อเนื่องโดยไม่เห็นโครงรับรางน้ำ ราคาไม่แพง โดยเริ่มตั้งแต่ 500 - 1,000 บาท/เมตร ขึ้นอยู่กับเกรดวัสดุและค่า
แรงติดตั้ง ส่วนข้อจำกัดของรางน้ำฝนไวนิลคือหากติดตั้งไม่ได้มาตรฐานตามที่ผู้ผลิตแนะนำไว้ก็อาจจะเกิดการบิดหรือโก่งงอได้ครับ
ขั้นตอนที่ 1 สำรวจหน้างาน | |
---|---|
รายละเอียด | ราคา |
ค่าสำรวจหน้างานรางน้ำฝน | 1,000 บาท/ครั้ง |
ข้อมูลก่อนให้บริการเปิดสำรวจหน้างานรางน้ำฝน • กรอกข้อมูลในใบเปิดงานสำรวจหน้างาน รางน้ำฝน เอสซีจี/รางน้ำฝนพีวีซี ตราโอเค • สอบถามคิวสำรวจจากทีมช่างที่ดูแลสาขาก่อนลงคิวสำรวจทุกครั้ง • ทีมช่างที่เข้าสำรวจหน้างานจะส่งข้อมูลกลับให้ทางสาขาภายใน 3 วัน • จำกัดความสูงของบ้านไม่เกิน 2 ชั้น หรือไม่เกิน 7 เมตร • ค่าสำรวจหน้างาน 1,000 บาท นำไปหักจากค่าบริการติดตั้งภายหลัง หากลูกค้ายกเลิกงานภายหลังจากที่เข้าสำรวจหน้างานแล้ว หรือพบว่าหน้างานไม่สามารถติดตั้งสินค้าได้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงิน |
ขั้นตอนที่ 2 ติดตั้งรางน้ำฝน | |
---|---|
รายละเอียด | ราคา |
ค่าบริการติดตั้งรางน้ำฝน | 220 บาท/เมตร |
ค่าบริการรื้อถอนรางน้ำฝนไวนิล | 100 บาท/เมตร |
ค่าบริการรื้อถอนรางน้ำฝนที่เป็นวัสดุอื่น | 200 บาท/เมตร |
ค่าบริการติดตั้งตะแกรงกันใบไม้ | 50 บาท/เมตร |
ค่าบริการติดตั้งพร้อม Flashing อลูมิเนียม | 120 บาท/เมตร |
ค่าบริการติดตั้งและเช่านั่งร้าน | 5,000 บาท/ชุด |
ค่าเดินทางนอกพื้นที่ ห่างจากสาขาเกิน 30 กิโลเมตร | 14 บาท/กิโลเมตร |
ข้อมูลก่อนให้บริการติดตั้งรางน้ำฝน • จำนวนเมตรในการคำนวณค่าบริการติดตั้งรางน้ำฝน คิดจาก (ความยาวของรางน้ำฝน + ความยาวของท่อระบายน้ำฝน) • ค่าบริการติดตั้งขั้นต่ำคิดที่ 15 เมตร หรือ 3,300 บาท ถ้าหน้างานที่ติดตั้งมีความยาวน้อยกว่าที่กำหนดคิดค่าบริการติดตั้งที่ 3,300 บาท • ตรวจเช็คสินค้าว่าที่สาขามีพร้อมส่งหรือไม่ก่อนนัดวันจัดส่งสินค้ากับลูกค้า • สอบถามคิวติดตั้งจากทีมช่างที่ดูแลสาขาก่อนลงคิวติดตั้งทุกครั้ง |
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิก
เพื่อเพิ่มรายการโปรดของคุณ