การสร้างบ้านหนึ่งหลังมีองค์ประกอบและรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย หลายส่วนของบ้านอาจจะเหมือนเป็นตัวเสริมที่ดูไม่จำเป็น จะมีหรือไม่มีก็ได้ อย่างเช่น
รางน้ำฝน ที่มักจะมีคำถามถึงเหตุผลที่ต้องติดตั้ง แต่ไม่ค่อยได้รับคำตอบที่เป็นรูปธรรม ทำให้เจ้าของบ้านส่วนใหญ่ที่ต้องการลดงบประมาณในการสร้างบ้าน เลือกตัดส่วนเสริมนี้ออก ซึ่งผลที่ได้อาจจะไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่เสีย เพราะการติดตั้งรางน้ำฝนสามารถปกป้องบ้านได้มากกว่าที่คิด เนื้อหานี้
“HomeGuru” ขอตอบคำถามที่ว่าทำไมบ้านจึงควรติดรางน้ำฝน พร้อมกับแนะนำวัสดุแต่ละชนิด เพื่อให้ง่ายกับการตัดสินใจเลือกใช้รางน้ำฝนที่เหมาะกับบ้านเราครับ
เหตุผลที่บ้านควรติด รางน้ำฝน
หากจะให้เปรียบเทียบรางน้ำฝนกับส่วนประกอบบนใบหน้า ก็คงเหมือนเส้นขนตาที่เป็นส่วนเล็กๆ แต่ช่วยปกป้องดวงตาจากฝุ่น แมลง และละอองน้ำ รางน้ำฝนที่ติดรอบ
ชายคาก็ทำหน้าที่คล้ายกัน คือช่วยป้องกันรอบอาคารจากละอองฝน รวบรวมให้น้ำฝนไหลจากหลังคาลงท่อระบายน้ำและยังมีประโยชน์กับบ้านอีกหลายประการ อาทิ
1. ช่วยปกป้องผนังและสีทาบ้าน
ในฤดูมรสุมของทุกปีจะมีหลายช่วงที่สายฝนเทกระหน่ำลงมาติดต่อกันหลายวัน หากไม่ได้
ติดตั้งรางน้ำฝนช่วยรองรับรวบรวมน้ำฝนจากหลังคาลงสู่ท่อระบายน้ำ น้ำที่กระเซ็นกระจายจะทำให้ผนังเสียหายจากความชื้นสะสม เกิดคราบน้ำ เชื้อราดำ หรือสีบวมลอกล่อน
2. ช่วยปกป้องวงกบประตูหน้าต่าง
วัสดุที่ใช้ทำวงกบ
ประตูหน้าต่างหลักๆ จะเป็นไม้และอลูมิเนียม หาก
วงกบประเภทไม้สัมผัสความชื้นจากน้ำฝนที่กระเซ็นมาซ้ำๆ นานๆ ความชื้นจะทำให้ไม้พองบวมและบิดได้ หรือเกิดสนิมในกรณีที่วงกบเป็นโลหะและอลูมิเนียม
3. ปกป้องพื้นสวนและบ่อปลา
ในบ้านที่จัดบริเวณรอบตัวบ้านเป็นสนามหญ้าหรือมีสวนน้ำใต้ชายคา หากฝนตกหนักแต่ไม่มีรางน้ำฝน มวลน้ำฝนจะไหลตามร่องหลังคาลงกระทบพื้นหญ้าและต้นไม้ตรงๆ ความแรงของน้ำอาจทำให้ดินยุบเป็นหลุมน้ำขัง ต้นไม้เสียหาย นอกจากนี้น้ำฝนจะชะล้างเอาเศษฝุ่น ควัน และสิ่งสกปรกต่างๆ บนหลังคาลงมาทำให้บ่อปลาสกปรกได้ด้วย
4. หลีกเลี่ยงการสร้างปัญหากับเพื่อนบ้าน
บ้านที่สร้างติดกันหรือสร้างหลังคาสูงล้ำออกมาเหนือพื้นที่บ้านข้างเคียงโดยไม่ได้ติดรางน้ำฝน หากปล่อยให้น้ำฝนไหลหรือกระเซ็นเข้าไปสร้างความเสียหายยังพื้นที่ของคนอื่น เพื่อนบ้านที่ได้รับผลกระทบสามารถฟ้องร้องให้รื้อถอนได้ จึงควรติดตั้งรางน้ำฝนเพื่อลดละ เลี่ยง การสร้างปัญหาผิดใจกับเพื่อนบ้าน
เลือกวัสดุ รางน้ำฝน ให้เหมาะกับบ้าน
วัสดุรางน้ำฝนมีการพัฒนาทั้งวัสดุและเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อให้รองรับการใช้งานได้ดี มีความทนทาน และสวยงามให้เลือกใช้กับบ้านได้หลากหลายรูปแบบในช่วงราคาต่างๆ กัน ดังนี้
รางน้ำฝนสังกะสี
สังกะสีเป็นวัสดุที่คนไทยคุ้นเคยและนิยมใช้มากในยุคแรกๆ เพราะราคาถูกที่สุดและหาช่างในท้องถิ่นทำได้ไม่ยาก รางน้ำฝนแบบนี้จะมีขั้นตอนการขึ้นรูปด้วยการนำแผ่นสังกะสีมาพับหรือม้วนแล้วบัดกรีเชื่อมรอยต่อ ความหนาของแผ่นสังกะสีมีให้เลือกหลายขนาด แนะนำว่าควรเลือกความหนา 0.5 มิลลิเมตรขึ้นไป รางน้ำสังกะสีมีต้นทุนต่ำก็จริง แต่มีข้อด้อยเรื่องความสวยงามและอาจเกิดปัญหารอยรั่วซึมหากบัดกรีไม่เรียบร้อยหรือสังกะสีเกิดสนิม
รางน้ำฝนสแตนเลส
รางน้ำฝนสแตนเลสสามารถพับขึ้นรูปได้ง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับขนาดและรูปทรง เช่น ทาวน์เฮาส์หลังคาติดกัน รางสแตนเลสที่วางขายในท้องตลาดมีหลายเกรด หากต้องการรางที่อายุการใช้งานนาน 10 ปีขึ้นไป แนะนำให้มองหาเกรด 304 ซึ่งมีความหนา ทนต่อกรด ด่าง และสภาวะอากาศเขตร้อนชื้น (ยกเว้นบริเวณชายฝั่งทะเลที่มีกรดเกลือ) ข้อด้อยของรางน้ำฝนสแตนเลส คือ จะมีรอยเชื่อมที่อาจแตกได้ จากการเกิดสนิมบริเวณรอยต่อที่บัดกรีด้วยตะกั่ว และไม่ควร
ทาสี เนื่องจากผิวสแตนเลสมีฟิลม์โครเมียมออกไซด์บาง ๆ ที่ช่วยรักษาสภาพและความทนทานการกัดกร่อน หากทาสีจะลดคุณสมบัติในข้อนี้ลงไป
รางน้ำฝนเหล็กเคลือบอลูซิงค์หรือกัลวาไนซ์
รางน้ำฝนเหล็กเคลือบกัลป์วาไนซ์หรือโลหะอลูซิงค์ มีน้ำหนักที่เบาแต่แข็งแรง ทนการกัดกร่อนได้ดี เป็นรางที่ผลิตสำเร็จรูปเป็นชิ้นจากโรงงาน จึงได้มาตรฐานทั้งเรื่องขนาดและรูปทรง สามารถควบคุมคุณภาพรอยต่อต่างๆ ได้ดีกว่าวิธีการเชื่อมใช้การหนีบ Clamp ในจุดเชื่อมต่อและมีการซีลยาง ทำให้สะดวกต่อการติดตั้ง และสามารถทำสีให้เข้ากับบ้านได้หลากหลาย อีกทั้งยังสามารถควบคุมมาตรฐานได้
รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส
วัสดุไฟเบอร์กลาสมีความแข็งแรง ทนทานต่อน้ำ แสงแดด ไม่ผุกร่อน ไม่เป็นสนิม อายุการใช้งานค่อนข้างยาวนานกว่า 10 ปีขึ้นไป ชิ้นงานเชื่อมให้เป็นเนื้อเดียวกัน จึงป้องกันปัญหาการรั่วซึมตามรอยต่อได้ดี สามารถเลือกสั่งผลิตตามความยาวที่ต้องการ สีของรางน้ำฝนมีให้เลือกหลากหลายตามความเหมาะกับโทนสีของบ้านและหลังคา อาทิ สีขาว เทา ครีม น้ำตาล จึงกลมกลืนเข้ากับบ้านได้ง่ายโดยไม่ทำให้รูปลักษณ์บ้านเปลี่ยน รางไฟเบอร์กลาสมีราคาสูงและต้องติดตั้งต้องโดยช่างเฉพาะทาง
รางน้ำฝนไวนิล
รางน้ำฝนไวนิลผลิตจากพลาสติก (uPVC) เกรดที่ใช้สำหรับงานภายนอก พื้นผิวเรียบมันสวยงาม คล้ายพลาสติกแต่แข็งแรงกว่า มีคุณสมบัติเด่นหลักๆ คือ ไม่เป็นสนิม อายุงานที่ใช้ได้เฉลี่ยประมาณ 10 ปี ราคาจับต้องได้ ประมาณ 500-1,000 บาท/เมตร (ขึ้นอยู่กับเกรดวัสดุและค่าแรงติดตั้งในแต่ละท้องถิ่น) รางน้ำฝนไวนิลมีรูปร่าง ขนาด และสีเท่าที่ถูกกำหนดมาจากโรงงาน จึงมีให้เลือกน้อยกว่าแบบไฟเบอร์กลาสแต่การติดตั้งง่ายกว่า ทั้งนี้ก็ต้องติดตั้งให้ได้มาตรฐานตามที่ผู้ผลิตแนะนำไว้ มิเช่นนั้นอาจเกิดการบิดโก่งได้ และต้องระวังไม่ใช้วัสดุอื่นนอกจากซิลิโคนเป็นตัวประสานเชื่อมต่อ เพราะอาจเกิดการรั่วซึมตามมา
รางน้ำฝน เป็นส่วนประกอบเล็กๆ ที่มีความสำคัญต่อบ้าน ทั้งในแง่ของการใช้งานและการสร้างความสวยงามในภาพรวม การเลือกซื้อนอกจากจะต้องมองหาวัสดุและดีไซน์ที่เข้ากันกับสไตล์บ้านแล้ว ยังต้องศึกษาฟังก์ชันว่ารางน้ำฝนรุ่นนั้นๆ ตอบโจทย์การใช้งาน ปริมาณน้ำฝนบ้านเราได้มากน้อยแค่ไหนด้วยครับ