หมอน ประเภทไหนเหมาะกับใคร และต้องเลือกอย่างไรดี?

หมอน เป็นอีกหนึ่งเครื่องนอนชิ้นสำคัญในห้องนอนที่ส่งผลต่อการนอนหลับโดยตรง เพราะฉะนั้นวิธีการเลือกซื้อ หมอนหนุน ให้เหมาะสมกับสรีระร่างกายและ ท่านอน ของผู้นอนจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก ซึ่งหมอนที่ดี เหมาะสมกับคอและศีรษะนั้นจะช่วยลดอาการเกร็งและอาการปวดต้นคอและบ่าได้ ซึ่งในปัจจุบันก็มีหมอนให้เลือกมากมายหลายแบบ เช่น หมอนเมมโมรี่โฟม หมอนยางพารา หมอนขนสัตว์ เป็นต้น ดังนั้น HomeGuru จึงขอแนะนำว่าก่อนจะเลือกซื้อ หมอน สักใบก็ควรรู้ก่อนว่าวัสดุที่นำมาผลิตหมอนมีอะไรบ้าง และแต่ละประเภทนั้นมีคุณสมบัติอย่างไร

• คุณสมบัติของ หมอนหนุน ประเภทต่าง ๆ

1. หมอนเมมโมรี่โฟม (Memory Foam Pillow)

จุดเด่นของ หมอนหนุน แบบเมมโมรี่โฟมคือสามารถกระจายน้ำหนักได้ดี จึงช่วยรองรับสรีระการนอนได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยลดอาการปวดคอ ไหล่ และหลัง นอกจากนี้ยังให้สัมผัสที่นุ่ม แน่น และมีการคืนตัวดี จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่ก็มีจุดด้อยตรงที่ราคาค่อนข้างสูง และอาจมีกลื่นไม่พึงประสงค์เท่าไรนัก

2. หมอนยางพารา (Latex Pillow)

หมอนยางพารา เป็น หมอนหนุน อีกประเภทที่ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน โดยจุดเด่นของ หมอนยางพารา คือสามารถกระจายน้ำหนักได้ดี ช่วยรองรับสรีระการนอนได้ดี จึงช่วยลดอาการปวดคอ หลัง และไหล่ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ หมอนยางพารา ยังไม่มีสารพิษที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ และเหมาะกับผู้ที่ชอบนอนหมอนแน่น ส่วนจุดด้อยของ หมอนยางพารา นั้นจะเหมือนกับหมอนเมมโมรี่โฟม คือมีราคาค่อนข้างสูง และอาจมีกลื่นไม่พึงประสงค์เช่นกัน

3. หมอนขนสัตว์ (Feather Pillow)

หมอน แบบขนสัตว์เป็นหมอนที่ผลิตมาจากขนนก ขนเป็ด และขนห่าน จุดเด่นของหมอนขนสัตว์ที่หลายคนชื่นชอบจึงเป็นความนุ่มฟู ขณะเดียวกันก็แน่นได้รูปทรง ส่วนจุดด้อยของหมอนขนสัตว์คืออาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ราคาค่อนข้างสูง และที่สำคัญคือไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือโรคระบบทางเดินหายใจ เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้

4. หมอนใยสังเคราะห์ (Polyester Pillow)

สำหรับหมอนใยสังเคราะห์นั้นถือเป็น หมอนหนุน ที่สามารถรองรับสรีระการนอนได้ดี และมีราคาถูก สามารถหาซื้อได้ทั่วไป แต่เป็นหมอนที่ค่อนข้างคืนตัวช้า และมีอายุการใช้งานไม่ยาวนานนัก

5. หมอนใยบอล

หมอนใยบอลเป็นหมอนที่ผลิตมาจากใยสังเคราะห์ที่ถูกตีให้กลายเป็นลูกกลม ๆ ทำให้ หมอนหนุน ประเภทนี้มีความยืดหยุ่นและสปริงตัวได้ดีกว่าหมอนใยธรรมดา นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติไม่จับตัวเป็นก้อน และมีให้เลือกใช้ทั้งแบบแน่นและแบบนุ่มฟู แต่จุดด้อยคือจะมีราคาสูงกว่า หมอน แบบใยสังเคราะห์ทั่วไป รวมทั้งค่อนข้างคืนตัวช้า

6. หมอนใย Hollofil

จุดเด่นของหมอนใย Hollofil คือมีรูระบายอากาศ 7 รู ที่ช่วยระบายอากาศได้ดี จึงไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ นอกจากนี้ยังให้สัมผัสที่นุ่มฟู และยืดหยุ่นได้ดี แต่ก็มีจุดด้อยตรงที่ราคาค่อนข้างสูง และคืนตัวช้าเช่นเดียวกันกับหมอนใยบอล

7. หมอนใย Microfiber

หมอนหนุน ที่ผลิตจากเส้นใย Microfiber หรือเส้นใยที่ผ่านการเคลือบด้วยซิลิโคนนั้นจะมีจุดเด่นที่เส้นใยมีความนุ่ม เบาสบาย คงรูปได้นาน และสามารถคืนตัวได้เร็ว อายุการใช้งานยาวนาน รวมทั้งยังให้สัมผัสคล้ายกันกับหมอนขนห่านธรรมชาติ แต่จะดีกว่าตรงที่ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ และมีคุณสมบัติป้องกันไรฝุ่น จึงไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ส่วนจุดด้อยคือมีราคาค่อนข้างสูง

• ประเภทหมอนสำหรับเด็ก

1. หมอนสำหรับเด็กวัย 1 ขวบขึ้นไป ควรมีขนาด 12x20 นิ้ว นน. 250 กรัม

2. หมอนสำหรับเด็กวัย 3 ขวบขึ้นไป ควรมีขนาด 15x24 นิ้ว นน. 450 กรัม

• ท่านอน กับการเลือกหมอน

เรื่องของ ท่านอน ประจำเป็นอีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกหมอน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ท่านอน หลัก ๆ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ท่า

1. นอนหงาย

สำหรับ ท่านอน หงาย ควรเลือกหมอนที่มีความหนาระดับปานกลาง ไม่สูงและไม่ต่ำจนเกินไป เพราะจะช่วยซัพพอร์ทให้คอของผู้นอนตั้งอยู่ในระดับที่เหมาะสม บาลานซ์กับแผ่นหลังส่วนบนและกระดูกสันหลังได้เป็นอย่างดี

2. นอนตะแคง

สำหรับ ท่านอน ตะแคง ควรเลือกหมอนหนุนให้สอดรับกับช่องว่างระหว่างคอและไหล่ให้พอดี ซึ่งหมอนควรจะมีความสูงพอที่จะยกระดับคอให้รับกับกระดูกสันหลังได้ ที่สำคัญจะต้องมีหมอนข้างรองรับช่องว่างระหว่างขา เพื่อที่จะให้สรีระร่างกายอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

3. นอนคว่ำ 

สำหรับ ท่านอน คว่ำ แนะนำให้เลือกใช้หมอนที่ค่อนข้างเตี้ยเป็นพิเศษ

• การดูแลรักษา หมอน

เครื่องนอนต่าง ๆ โดยเฉพาะหมอนเป็นสิ่งที่ต้องสัมผัสกับใบหน้าทุกคืน เพราะฉะนั้นการรักษาความสะอาดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย แต่ในเมื่อวัสดุแต่ละชนิดที่นำมาผลิตหมอนนั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นวิธีการดูแลรักษา การทำความสะอาด และข้อควรระวังก็จะแตกต่างกันออกไปเช่นกัน

1. หมอนใยสังเคราะห์ 

ควรหมั่นตบหมอนเพื่อเพิ่มความฟู นุ่มอยู่เป็นประจำ และซักทำความสะอาดบ่อย ๆ และควรเปลี่ยนหมอนทุก ๆ 2-3 ปี หรือเปลี่ยนเมื่อตบหมอนแล้วหมอนไม่คืนสภาพ

2. หมอน Memory Foam และ หมอนยางพารา 

ควรนำหมอนผึ่งลมเป็นประจำในที่ร่ม ไม่ควรโดนแดดโดยตรง และควรเปลี่ยนหมอนทุก 3-4 ปี หรือเปลี่ยนเมื่อพับแล้วไม่คืนรูปเหมือนเดิม

3. หมอนใยบอล 

สามารถซักทำความสะอาดได้ง่าย

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวเกี่ยวกับ หมอน ไอเทมหลักของห้องนอนที่ HomeGuru อยากให้ทุกคนรู้จักและทำความเข้าใจก่อนลงมือเลือกซื้อหมอนสักใบ เพราะหากเลือกหมอนได้ดีและเหมาะกับการใช้งานของแต่ละคนก็ย่อมช่วยให้การนอนหลับพักผ่อนในทุกค่ำคืนมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าที่เคย และสำหรับใครที่สนใจช้อปเครื่องนอนคุณภาพดีจากโฮมโปรก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดและช้อปได้ง่าย ๆ ที่ HomePro Online