แอร์มีกลิ่นอับ กลิ่นเหม็นเปรี้ยวกวนใจทุกครั้งที่เปิดใช้ บ้านไหนเป็นแบบนี้อยู่ต้องรีบแก้ไขด่วน ๆ เพราะถึงเปิดแอร์แล้วจะยังเย็นสบายปกติ แต่ถ้ามีกลิ่นเหม็นโชยออกมาด้วยทุกครั้งแบบนั้นไม่ดีแน่ เพราะอาการ แอร์เหม็นอับ แบบนี้นอกจากจะเสียบรรยากาศในการพักผ่อนแล้ว ดีไม่ดีอาจส่งผลต่อเรื่องสุขภาพของคนในครอบครัวได้แบบคาดไม่ถึง ยิ่งถ้าล้างแอร์แล้วยังไม่หายสักทียิ่งต้องรีบหาสาเหตุและแก้ไขกันแล้ว เพราะปัญหา แอร์มีกลิ่นอับ เป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คิด แต่แก้ไขได้ด้วยเทคนิคดี ๆ ที่
HomeGuru รวบรวมมาฝากกัน!
● แอร์มีกลิ่นอับ กลิ่นเปรี้ยวกวนใจ หาสาเหตุและแก้ไขยังไงดี?
1. สิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าดื้อดึงใช้แอร์เหม็นอับโดยไม่แก้ไข 2. สาเหตุของแอร์เหม็นอับ เหม็นเปรี้ยว ล้างยังไงก็ไม่หาย 3. วิธีขจัดกลิ่นแอร์เหม็นอับให้หายขาด 4. แก้ไขแล้ว อย่าลืมป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ● สิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าดื้อดึงใช้ แอร์เหม็นอับ โดยไม่แก้ไข
บางคนที่กำลังเจอปัญหาแอร์มีกลิ่นเหม็นอับเวลาเปิดใช้งานอาจจะคิดว่าเป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ถอดแผ่นกรองหน้าเครื่องออกมาล้างนิด ๆ หน่อย ๆ เดี๋ยวก็หาย หรือทนใช้ไปก่อนค่อยล้างแอร์ตามรอบปกติก็ได้ เพราะเป็นเรื่องปกติที่แอร์สกปรกก็ต้องมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เหม็นอับกันบ้าง ใครกำลังคิดแบบนี้อยู่อยากบอกว่าอย่าชะล่าใจไป กลิ่นเหม็นที่โชยมาเตะจมูกแบบนี้อาจไม่ใช่อาการปกติ แต่เป็นกลิ่นเหม็นที่เกิดจาก “ เชื้อรา ” เชื้อโรคร้าย สาเหตุของสารพัดโรคระบบทางเดินหายใจที่ทำร้ายทุกคนในบ้าน! การสูดเอาอากาศที่เจือปนไปด้วยเชื้อราจากแอร์ที่เปิดใช้งานเข้าไปเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจไม่ก่อให้เกิดอันตรายอะไรนัก เพราะร่างกายของเรามีภูมิคุ้มกันอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่หากแอร์มีกลิ่นอับที่เกิดจากเชื้อราแล้วยังคิดว่าใช้ไปก่อน ไม่เป็นไรหรอก ก็เท่ากับว่าเรากำลังสูดเอาอากาศที่มีเชื้อราเจือปนอยู่เข้าไปสะสมในร่างกายทุกวัน ๆ จนสุดท้ายร่างกายที่เคยแข็งแรง มีภูมิต้านทานมาก ๆ ก็อาจอ่อนแอลงจนป้องกันเชื้อราไม่ได้ ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอย่างโรคภูมิแพ้ หอบหืด ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ จมูกอักเสบ หรือใครที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอมาก ๆ ก็อาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อน บานปลายไปเป็นโรคอื่น ๆ ได้อีก! รู้แบบนี้แล้วอย่าปล่อยให้ปัญหานี้คาราคาซัง ต้องรีบแก้ไขอย่างด่วน!
● สาเหตุของ แอร์เหม็นอับ เหม็นเปรี้ยว ล้างยังไงก็ไม่หาย
ในเมื่อกลิ่นเหม็นอับ เหม็นเปรี้ยวต่าง ๆ นั้นมีสาเหตุมาจากเชื้อรา แล้วทำไมเชื้อราที่ว่าถึงมาอยู่ในแอร์ได้? ถ้าจะให้พูดกันแบบเข้าใจง่ายก็คือเจ้าเชื้อราตัวร้ายนี้มีสาเหตุมาจากการที่แอร์ทำความเย็นและเกิดความชื้นขึ้น และเมื่อเกิดความชื้นตกค้างสะสมนานเข้า ๆ เชื้อราก็จะเริ่มก่อตัวและเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดปัญหากลิ่นอับ กลิ่นเหม็นเปรี้ยวจากเชื้อราตามมา แล้วทำไมแอร์ที่เปิดใช้งานอยู่ทุกวันถึงเกิดความชื้นสะสมขึ้นจนเป็นที่มาของเชื้อราได้ขนาดนี้? สาเหตุก็มีได้หลากหลายอย่างเลย ตั้งแต่สภาพภายในห้องมีความชื้นสูงจนเกินไปจากการปลูกต้นไม้ในห้อง มีการเลี้ยงปลา มีภาชนะใส่น้ำวางไว้ในห้อง มีน้ำรั่วซึมสะสมตามโครงสร้างของห้อง ฯลฯ หรือเกิดจากการไม่ล้างแอร์นาน ๆ นอกจากนี้ยังอาจเป็นเพราะรางระบายน้ำมีปัญหา หรือท่อน้ำทิ้งแอร์ยาวเกินไป คดเคี้ยวเกินไป ทำให้ระบายน้ำได้ไม่ดีพอจนเกิดเป็นเชื้อราในท่อน้ำทิ้งไปในที่สุด ยังไม่หมด! นอกจากเชื้อราแล้ว
แอร์เหม็นอับ ยังเกิดขึ้นได้จากอีกหลายสาเหตุ อย่างการไม่ได้ล้างแอร์เป็นเวลานาน ๆ จนทำให้เกิดน้ำขัง ฝุ่นจับตัวหนา สิ่งสกปรกอุดตันตามส่วนต่าง ๆ ของแอร์ ที่นอกจากจะทำให้ลมแอร์มีกลิ่นเหม็นแล้วยังทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้น เกิดเสียงดังและอาจทำให้แอร์เสียไวขึ้นด้วย แต่ถ้าล้างแอร์เป็นประจำอยู่แล้วและมั่นใจได้ว่าแอร์สะอาดแน่นอน แต่ก็ยังได้กลิ่นรบกวนอยู่ นั่นก็อาจเป็นเพราะมีสัตว์รบกวนเข้าไปยุ่งกับแอร์ เช่น มีมด แมลงสาบ หรือหนูเข้าไปทำรังหรือขับถ่ายภายในนั้น หรือบางครั้งก็อาจจะเป็นจิ้งจกตายอยู่ข้างในโดยที่เราไม่รู้ และอีกสาเหตุสำคัญ คือ น้ำแอร์รั่วจนทำให้เกิดกลิ่นเหม็นไหม้คล้าย ๆ กับกลิ่นควันจากท่อไอเสียได้เหมือนกัน
● วิธีขจัดกลิ่นแอร์เหม็นอับให้หายขาด
ถ้าเกิดกลิ่นเหม็นขึ้นมาแล้วล่ะ จะทำยังไงดี? ก่อนอื่นต้องบอกว่าให้หาสาเหตุของกลิ่นให้แน่ชัดว่าเป็นกลิ่นเหม็นแบบไหน หากเป็นกลิ่นเหม็นที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อรา แต่เกิดจากปัจจัยอื่น เช่น แอร์สกปรก มีฝุ่นจับหนา มีซากสัตว์ตายอยู่ข้างใน หรือเกิดกลิ่นย้อนจากน้ำที่ระบายออกไปด้านนอกกลับเข้ามาในแอร์ ทำให้ แอร์มีกลิ่นอับ กรณีแบบนี้ก็สามารถใช้วิธีล้างแอร์ได้ตามปกติ ซึ่งจริง ๆ ก็สามารถทำเองได้ในไม่กี่ขั้นตอนตามนี้เลย… 1. ปิดสวิตซ์และเบรกเกอร์แอร์ก่อนเพื่อความปลอดภัย 2. เปิดฝาครอบแอร์ ถอดแผงกรองฝุ่นที่อยู่ด้านหน้าเครื่องไปล้างทำความสะอาดด้วยการฉีดน้ำแรง ๆ ใส่ด้านที่ไม่มีฝุ่น ถ้าสกปรกมาก ๆ จะใช้แปรงขนนุ่ม ๆ มาช่วยขัดถูก็ได้ เสร็จแล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้งสนิท 3. ถอดถาดน้ำทิ้งออกมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำร้อนหรือน้ำสบู่ เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำส้มสายชูหรือน้ำยาฟอกขาวเพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรคและกำจัดกลิ่นเหม็น จากนั้นล้างน้ำสะอาดแล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้ง 4. ตรวจสอบตรงแฟนคอล์ยยูนิต ถ้ามีซากสัตว์ตายหรือคราบฝุ่น คราบสิ่งสกปรกอุดตันให้กำจัดออกให้หมด แล้วค่อยล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย 5. ส่วนของท่อน้ำทิ้งให้ฉีดน้ำร้อน น้ำส้มสายชู หรือน้ำยาฟอกขาวเข้าไปเพื่อช่วยฆ่าเชื้อและกำจัดกลิ่นเหม็น แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง 6. ประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่แห้งสนิทแล้วกลับเข้าที่ตามเดิม เปิดเบรกเกอร์และสวิตซ์แอร์ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เหม็นอับกันแล้ว ขั้นตอนต่าง ๆ ที่ได้บอกไปนั้นถือเป็นการแก้ปัญหา แอร์มีกลิ่นอับ จากสาเหตุต่าง ๆ ที่ไม่ใช่เชื้อรา แต่ถ้าเป็นกลิ่นเหม็นอับ เหม็นเปรี้ยวที่เกิดจากเชื้อราอาจจะต้องเพิ่มเติมขั้นตอนพิเศษเข้าไปอีกนิดหน่อย คือหลังจากล้างแอร์ตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้วให้ล้างซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อรา ซึ่งมีอยู่มากมายหลายแบรนด์ให้เลือกใช้ โดยให้เน้นการล้างให้หมดจดในจุดที่เกิดเชื้อราที่ส่วนใหญ่จะเป็นตามจุดอับต่าง ๆ ทั้งแผ่นกรองแอร์แผ่นใหญ่ที่ล้างน้ำได้ (แผ่นกรองเล็กที่เป็นรูพรุน ๆ จะล้างน้ำไม่ได้นะ!) แผ่นฟินอลูมิเนียม ตามฟองน้ำบุฉนวนต่าง ๆ ไปจนถึงท่อน้ำทิ้งและรางน้ำทิ้ง ส่วนไหนที่ล้างได้ให้ถอดล้างอย่างละเอียด เสร็จแล้วรอให้แห้งค่อยประกอบกลับเข้าไปตามเดิม ส่วนไหนที่ล้างยากหรือล้างไม่ได้อย่างแผ่นกรองเล็ก ฟองน้ำฉนวน หรือท่อน้ำทิ้ง PVC เหล่านี้ก็แนะนำให้เปลี่ยนใหม่ไปเลยดีกว่า และหลังจากล้างแอร์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อราและประกอบกลับเข้าที่เรียบร้อยแล้วก็อย่าเพิ่งใจร้อนรีบเปิด
แอร์กันนะ! ควรจะทิ้งไว้ให้แอร์แห้งให้มากที่สุด และไม่ใช่แค่ตัวเครื่องเท่านั้น รางท่อน้ำทิ้งต่าง ๆ ก็ต้องแห้งสนิทด้วย ทางที่ดีเลยแนะนำให้ทิ้งไว้สัก 1 สัปดาห์เต็ม ๆ ค่อยกลับมาเปิดใช้งานใหม่อีกครั้งเพื่อให้อาการ แอร์เหม็นอับ จากเชื้อราหายไปแบบ 100%
● แก้ไขแล้ว อย่าลืมป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
จบพาร์ทการแก้ไขไปแล้ว คราวนี้ถึงพาร์ทการดูแลป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา แอร์เหม็นอับ ซ้ำ ๆ อีก ซึ่งวิธีที่เวิร์คที่สุดก็คือวิธีที่เบสิคที่สุดอย่างการล้างทำความสะอาดแอร์บ่อย ๆ นั่นเอง แล้วคำว่าบ่อยที่ว่านี่คือบ่อยแค่ไหน? เพื่อความเข้าใจง่าย ไม่สับสน ก่อนอื่นให้แยกออกเป็นส่วน ๆ กันก่อน 1. ฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรองฝุ่นที่อยู่บริเวณหน้าเครื่องควรถอดออกมาล้างทำความสะอาดเป็นประจำทุกเดือน แต่หากเป็นพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองเยอะอย่างพื้นที่ในเขตก่อสร้าง หรือห้องที่อยู่ติดกับถนน มีรถวิ่งผ่านไปมาจนฝุ่นฟุ้งกระจายทุกวัน แบบนี้ก็ควรถอดล้างทำความสะอาดให้บ่อยขึ้นอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง หรือหากขยันจะถอดออกมาล้างทุกวันก็ไม่มีปัญหา 2. ชุดคอล์ยร้อนที่อยู่ภายในเครื่อง ควรล้างทำความสะอาดทุก ๆ 6 เดือน หรือให้เต็มที่ที่สุดคือปีละ 1 ครั้ง 3. แผงขดท่อคอล์ยเย็น ส่วนนี้ควรล้างทำความสะอาดเป็นประจำปีละ 1 ครั้ง นอกจากนี้ อย่าลืม! ดูแลความสะอาดของถาดรองน้ำทิ้งและท่อน้ำทิ้งไม่ให้มีเมือก หรือสิ่งสกปรกตกค้างหมักหมมอยู่ จัดการแหล่งความชื้นในบริเวณที่ติดตั้งแอร์ไม่ให้มีมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย และคอยกำจัดหรือระมัดระวังไม่ให้สัตว์รบกวนอย่างพวกหนู แมลงสาบ มาอยู่ในพื้นที่ใกล้ ๆ กับแอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เหล่านี้เข้าไปขับถ่าย ทำรัง หรือมาตายแล้วส่งกลิ่นเหม็นในแอร์ด้วยนะ!
รู้แบบนี้แล้ว ต่อไปถ้าที่บ้านเกิดปัญหา แอร์มีกลิ่นอับ ขึ้นมาก็ไม่ต้องกังวลใจแล้วเพราะ แอร์เหม็นอับ เหม็นเปรี้ยวนั้นแก้ไขได้ไม่ยาก เพียงแต่ควรจะรีบหาสาเหตุและรีบแก้ไข ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลุกลามจนกลายเป็นปัญหาสุขภาพไป ยิ่งเมืองร้อนอย่างบ้านเราที่ต้องพึ่งพาแอร์บ่อย ๆ ยิ่งไม่ควรปล่อยให้เกิดปัญหาที่ทั้งทำลายสุขภาพและทำลายบรรยากาศการพักผ่อนเลย เพราะแค่ล้างแอร์เป็นประจำก็จบ! แต่สำหรับใครที่คิดว่าการล้างแอร์เป็นเรื่องยุ่งยากเพราะไม่ชำนาญ หรือไม่มีเวลาทำด้วยตัวเอง
HomeGuru ก็ขอแนะนำบริการล้างแอร์จากช่างมืออาชีพ Home Service by HomePro เลย! การันตีความสะอาด งานเนี๊ยบ งานกริบ แถมรับประกันงานนาน 30 วัน!
สั่งซื้อบริการ/สอบถามเพิ่มเติม/ปรึกษาฟรีได้ที่โฮมโปรทุกสาขา Facebook : Home Service by HomePro : m.me/Homeservicebyhomepro Line : https://lin.ee/uN8D4Zl หรือ @Homeproservice
Call Center : 1284 Mobile app : https://bit.ly/372RTMT โปรโมชั่นเพิ่มเติมจาก Home Service :
https://bit.ly/3Bj8Yzs