ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home อย่างไรไม่ให้ค่าไฟพุ่งสูงปรี๊ดด!!

ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home อย่างไรไม่ให้ค่าไฟพุ่งสูงปรี๊ดด!!
ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home คงเป็นหนึ่งในเรื่องกังวลใจของชาวเราวัยทำงานที่ต้องนั่งทำงานอยู่ที่บ้านตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงที่ การระบาดของโควิด-19 กลับมาอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าการนั่งทำงานอยู่ที่บ้านทั้งวันทั้งคืน สิ่งหนึ่งที่ต้องเจอคือ ค่าไฟฟ้าที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้น จนน่าตกใจ เพราะไหนจะต้องเปิดใช้เครื่องปรับอากาศหรือพัดลม เพื่อให้ความเย็นตลอดทั้งวัน เปิดไฟเพื่อส่องแสงสว่าง และใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คู่ใจเพื่อนั่งทำงาน วันนี้ HomeGuru มี ทริคประหยัดไฟ ไม่ให้พุ่งสูงปรี๊ดด! ในช่วง Work from Home มาแชร์เป็นไอเดียให้กับทุก ๆ บ้านครับ ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home

8 ทริคประหยัดไฟ เมื่อต้อง Work from Home

1. จัดมุมโต๊ะทำงานช่วย ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home

ชาวเราวัยทำงานหลาย ๆ บ้านมองข้ามในการจัดมุมโต๊ะทำงาน เพราะส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลาทำงานในที่ทำงานเป็นหลัก แต่เมื่อสถานการณ์ การระบาดของโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด และกลับมาแพร่ระบาด อีกระรอกนั้น ห้องทำงาน และมุมโต๊ะทำงานก็กลายเป็นห้องหลักที่ต้องอยู่อาศัยตลอดทั้งวันเลยก็ว่าได้ครับ ดังนั้นควรเลือกมุมทำงานให้มีแสงสว่างที่เพียงพอ โดยการตั้งโต๊ะทำงานไว้บริเวณที่มีแสงสว่าง โดยเฉพาะแสงธรรมชาติ เช่น บริเวณหน้าต่าง หรือบริเวณมุมนอกบ้านที่มีชายคา เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองค่าไฟระหว่างวัน ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home

2. เปลี่ยนหลอดไฟธรรมดา เป็นหลอดไฟ LED

ไฟเพดาน เป็นจุดที่เปิดบ่อย หรือเปิดตลอดทั้งวันเมื่อต้องนั่ง Work From Home หากบ้านไหนยังใช้หลอดไฟแบบธรรมดาอยู่ แนะนำให้ลองเปลี่ยนเป็นหลอดไฟ LED เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่าหลอดไฟแบบธรรมดาแล้ว ยังให้แสงสว่างมากกว่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วยนะครับ และแม้ว่าจะเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED แล้ว การให้ความสำคัญกับการตั้งเวลาใช้ไฟในห้องทำงานในแต่ละวันก็เป็นอีกหนึ่ง ทริคประหยัดไฟ ที่สำคัญเช่นกันครับ เช่น เปิดไฟในช่วงเวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-18.00 น.
หลอด LED หลอดไฟ LED แบบกลม TOSHIBA หลอด LED
ทริคประหยัดไฟ

3. ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม

อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมที่หลาย ๆ บ้านนิยมตั้งไว้ระหว่างวันคือ 25 องศาเซลเซียส เพราะจะช่วยให้ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home ได้ตลอดทั้งวัน แต่รู้หรือไม่ครับ ทําอย่างไรให้ประหยัดไฟ ได้มากขึ้น เพียงปรับอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศา เป็น 26 องศา จะช่วยให้ประหยัดไฟฟ้าเพิ่มขึ้นได้ถึง 10% และอย่าลืมทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศบ่อย ๆ ด้วยนะครับ หรืออีกกรณีหนึ่ง คือ เลือกเปิดทั้งพัดลม และเครื่องปรับอากาศ โดยปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่ 27-30 องศาเซลเซียส ก็เป็นอีกหนึ่ง ทริคประหยัดไฟ โดยไม่ต้องลดอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศลง เพราะการปรับอุณหภูมิให้ต่ำลงนั้น เครื่องปรับอากาศจะทำงานหนักเกินไป เนื่องจากอุณภูมิภายนอกสูงกว่าภายในบ้าน ทําอย่างไรให้ประหยัดไฟ

4. ปิดเครื่องปรับอากาศ แล้วเปิดพัดลมแทน เมื่ออากาศไม่ร้อนมาก

หากอุณหภูมิ หรืออากาศระหว่างวันไม่ร้อนมากนัก การเปิดพัดลมไม่ว่าจะเป็นพัดลมตั้งพื้น หรือพัดลมเพดาน แทนเครื่องปรับอากาศจะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และสบายมากขึ้น รวมถึงการเปิดหน้าต่างช่วยเพื่อรับลมธรรมชาติ และแสงสว่างภายนอกให้เข้ามาในตัวบ้าน จะช่วยให้ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home ได้ดีเช่นกันครับ
พัดลมสไลด์ 16 นิ้ว แอร์เคลื่อนที่ SAMSUNG แอร์ผนัง

เคล็ดลับ วิธีประหยัดไฟฟ้าในบ้าน

5. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้เปิดใช้งาน หรือไม่จำเป็น

ทําอย่างไรให้ประหยัดไฟ เมื่อไม่ได้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน....หลาย ๆ บ้านยังคงเข้าใจผิดว่าการกดปิดสวิตซ์เครื่องใช้ไฟฟ้า จะช่วยประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home ได้ แต่รู้หรือไม่ครับว่า การปิดเพียงสวิตซ์ กระแสไฟฟ้าจะยังคงไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าตามปกติ การถอดปลั๊กไฟจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตัดกระแสไฟฟ้า ดังนั้น เมื่อไม่ได้ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเป็นระยะเวลานาน ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว โทรทัศน์ แล้วควรถอดปลั๊กออกทุกครั้ง นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟแล้ว ยังปลอดภัยต่อการใช้งานอีกด้วยครับ หรือแม้แต่อุปกรณ์ทำงานอย่าง โน๊ตบุ๊ค หากไม่ได้ใช้งานแนะนำให้ตั้งเป็น Sleep Mode เมื่อต้องเปิดโน๊ตบุ๊คทิ้งไว้ตลอดทั้งวัน เพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่ รวมถึงถอดปลั๊กโน๊ตบุ๊คทำงานเมื่อยังมีแบตเตอรี่ให้ใช้งานอย่างเพียงพอนะครับ โดยส่วนใหญ่แล้วโน๊ตบุ๊คสามารถใช้งานโดยไม่เสียบปลั๊กได้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ก็แสดงว่าจะช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าภายในบ้านได้ถึง 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home

6. เปิดใช้ไฟเฉพาะจุดที่นั่งทำงาน

นั่งทำงานบริเวณไหน ให้เปิดใช้ไฟเฉพาะบริเวณนั้น โดยไม่จำเป็นต้องเปิดใช้ไฟทั้งบ้าน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน เพื่อช่วย ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home ตลอดทั้งเดือน

7. จัดระเบียบตู้เย็น ด้วยกล่องจัดระเบียบ

ช่วง Work From Home นอกจากจะต้องนั่งทำงานตลอดทั้งวันแล้ว ก็ยังต้องหาอาหารและเครื่องดื่มกินตลอดทั้งวันด้วยเช่นกัน ส่วนใหญ่แล้วหลาย ๆ บ้านก็มักจะตุนอาหารที่จำเป็นต้องรับประทานระหว่างวันไว้ในตู้เย็นอย่างแออัด โดยไม่ได้จัดสรรพื้นที่ให้เป็นระเบียบจนทำให้ตู้เย็นทำงานหนัก ดังนั้น การหากล่องจัดระเบียบในตู้เย็นมาเป็นตัวช่วยให้ตู้เย็นทำงานน้อยลง แถมยังได้พื้นที่จัดเก็บอาหารเพิ่มขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งทริคประหยัดไฟ ได้ไม่น้อยเลยครับ และอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home คือ ไม่ควรเปิด-ปิดประตูตู้เย็นบ่อย ๆ เพราะตู้เย็นจะยิ่งทำงานหนัก และกินไฟบ้านครับ ทริคประหยัดค่าไฟในบ้าน

8. ตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน

เมื่อต้องใช้เวลา Work From Home ก็อย่าลืมสังเกตและตรวจสอบสภาพเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านที่จำเป็นต้องใช้งานระหว่างวันว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ด้วยนะครับ เพราะหากอุปกรณ์ต่าง ๆ เกิดการชำรุดควรรีบซ่อมแซมทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ตามมาทีหลัง หรือเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home วิธีประหยัดไฟฟ้า แม้ว่า การระบาดของโควิด-19 จะแพร่กระจาย และส่งผลกระทบให้ชาวเราวัยทำงาน ต้องหันมาปรับพฤติกรรมการทำงานที่บ้าน จนสร้างความกังวลใจ และเป็นปัญหาหนักใจเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน จนต้องหาวิธี ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home ตามที่ HomeGuru กล่าวไว้ข้างต้น ก็ถือเป็น ทริคประหยัดไฟ ที่ทุกบ้านสามารถทำเองได้ไม่ยาก และสามารถทำได้ตลอดเวลา แม้จะไม่ใช่ช่วง Work from Home เพื่อช่วยลดภาระค่าค่าไฟฟ้าไม่ให้พุ่งปรี๊ดด!! ในระยะยาวได้เลยนะครับ หากทำตามทุกข้อที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังพบว่าค่าไฟที่บ้านคุณยังพุ่งแบบไม่มีสาเหตุ เราขอแนะนำ บริการสำรวจงานระบบไฟฟ้า เพื่อทราบถึงปัญหาที่แน่ชัด และสามารถแก้ไขได้ทันเวลา และอีกหนึ่งปัญหาเรื่องแอร์ที่ทำให้ค่าไฟพุ่ง นั่นก็คือ การไม่ล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอหรือปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้มีฝุ่นละอองเข้าไปเกาะติดในแผ่นกรองอากาศและตามอุปกรณ์ต่างๆ ของแอร์ ทำให้แผ่นกรองอุดตัน แอร์จึงทำงานหนัก เพราะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการผลิตความเย็นเพิ่มขึ้นเพื่อให้ความเย็นเพียงพอต่อการใช้งาน ส่งผลทำให้ค่าไฟเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
สอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Home Service by HomePro : m.me/Homeservicebyhomepro Line : https://lin.ee/uN8D4Zl หรือ @Homeproservice Call Center : 1284 Mobile app : https://bit.ly/372RTMT โปรโมชั่นเพิ่มเติมจาก Home Service : https://bit.ly/3Bj8Yzs

ปัญหาเรื่องบ้านที่น่าสนใจ

เพิ่มสินค้าจำนวน ชิ้นลงรถเข็นแล้ว
{product_name}
จำนวน1 ชิ้น
สินค้าแนะนำ