แสงไม่พอ..เป็นปัญหาหลักที่หนีไม่พ้นของชาวเราวัยทำงานแทบทุกบ้านเลยใช่มั้ยครับ..? โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องนั่ง
Work from Home ในห้องทำงานที่บ้านตลอดทั้งวัน บางครั้งหลอดไฟที่ให้แสงสว่าง หรือแสงธรรมชาติภายในห้องที่ส่องสว่างบนโต๊ะทำงานก็ไม่เพียงพอ จนอยากลุกขึ้นไป เปลี่ยนหลอดไฟ ด้วยตัวเองทันที เพราะเกิดอาการเหนื่อยล้าบริเวณดวงตา เนื่องจากต้องนั่งจ้องบริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานตลอดทั้งวัน จนส่งผลกระทบให้ประสิทธิภาพในการทำงานแต่ละวันลดลง วันนี้
HomeGuru มีทริคดี ๆ ในการเพิ่มแสงสว่างในห้องทำงาน ด้วยหลากหลายวิธี โดยเฉพาะการเลือกมุมทำงาน การเลือกแสงสีของหลอดไฟ เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศในห้องทำงานให้ผ่อนคลาย สบายตา แถมยังได้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มาฝากทุก ๆ บ้านครับ
แสงสว่างในห้องทำงาน...มาจากไหน
1. แสงธรรมชาติ ช่วยให้สบายตา
แสงไม่พอ แต่หากมีแสงธรรมชาติช่วยเพิ่มความสว่าง และสร้างบรรยากาศภายในห้องทำงานให้สว่างมากขึ้นระหว่างนั่งทำงานในช่วงเวลากลางวันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากครับ เพราะแสงธรรมชาติ เป็นแสงที่ดีสำหรับสายตาของทุกคนในครอบครัว ไม่ใช่แต่วัยทำงานอย่างคุณพ่อบ้าน และคุณแม่บ้านเท่านั้น เพียงแต่ต้องเลือกจัดวางตำแหน่งโต๊ะ และ
เก้าอี้ทำงานให้อยู่ในบริเวณที่ได้รับแสงสว่างธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดไฟจาก
หลอดไฟ led หรือ โคมไฟตั้งโต๊ะ เช่น ตั้งโต๊ะทำงานติดชิดกับบริเวณหน้าต่างห้อง หรือใกล้กับริมระเบียง และหากเป็นกังวลว่าจะร้อน หรือได้รับแสงมากเกินไป สามารถติดตั้งผ้าม่านกรองแสง เพื่อช่วยให้ได้รับแสงธรรมชาติอย่างเพียงพอระหว่างทำงานครับ
โต๊ะทำงานควรหันหน้าเข้าหาแสงธรรมชาติ หากถนัดซ้าย แสงธรรมชาติควรส่องผ่านทางด้านขวา และในทางตรงกันข้ามถ้าถนัดขวา แสงสว่างควรจะส่องผ่านเข้าทางด้านซ้าย เพื่อไม่ให้แสงรบกวนระหว่างวันทำงาน
2. แสงจาก หลอดไฟ ช่วยเรื่องการจัดแสงภายในห้อง
เมื่อใน
ห้องทำงาน แสงไม่พอ การเลือกใช้หลอดฮาโลเจน (Halogen) หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) หลอดไฟ led เป็นแสงสว่างรอบห้องทำงาน แทนแสงธรรมชาติ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีของวัยทำงานอย่างเรา ๆ ครับ เพราะแสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ เป็นแสงที่ให้ความสว่างในระดับกลาง ไม่จ้าและมึดจนเกินไป และที่สำคัญมีความคล้ายคลึงกับแสงสว่างธรรมชาติมากที่สุด แต่ต้องเป็นแสงสีขาวเท่านั้น หรือหากต้องการสร้างบรรยากาศภายในห้องให้ดูโมเดิร์น หรือหรูหรามากขึ้น บางบ้านอาจเลือกติดตั้งโคมไฟระย้า เพื่อเป็นแสงตกแต่งช่วยให้การนั่งทำงานไม่น่าเบื่อครับ และหากต้องการเพิ่มแสงสว่างเฉพาะจุดภายในห้องทำงาน การวาง
โคมไฟตั้งโต๊ะ ก็สามารถช่วยเพิ่มแสงสว่างในตำแหน่งที่ต้องการโฟกัสได้เป็นอย่างดีครับ เช่น บริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือบริเวณที่ต้องใช้สายตาเพ่งมองเป็นระยะเวลานาน ๆ
เลือกระดับแสง และสีของ หลอดไฟ ให้เหมาะกับห้องทำงาน
เมื่อต้องเลือกใช้
หลอดไฟเพื่อให้แสงสว่าง และสร้างบรรยากาศระหว่างนั่งทำงานให้มีประสิทธิภาพทั้งในช่วงเวลากลางวัน และกลางคืนภายในห้องทำงาน อย่าคิดว่า! จะเลือกใช้หลอดไฟ หรือ โคมไฟ led ที่ระดับความสว่าง หรือแสงสีของหลอดไฟเท่าไหร่ก็ได้นะครับ เพราะหลอดไฟแต่ละสีมีผลต่อการใช้งานในระหว่างวันที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไประดับความสว่างของหลอดไฟที่เหมาะสมในการทำงาน ควรอยู่ที่ 400-600 ลักซ์ ส่วนแสงสีของหลอดไฟ หรือ อุณหภูมิของสี หากอุณหภูมิต่ำ แสงของหลอดไฟจะเป็นสีโทนร้อน เช่น สีส้ม แต่หากอุณหภูมิสูง แสงของหลอดไฟจะเป็นสีโทนเย็น เช่น สีฟ้า หรือสีขาว ซึ่งปัจจุบันมีแสงสีของหลอดไฟมีให้เลือกใช้งาน 3 ชนิด คือ วอร์มไวท์ (Warm white) , คูลไวท์ (Cool white) และเดย์ไลท์ (Daylight) ซึ่งแต่ละสีให้ความรู้สึก และความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนี้ครับ
Warm white หลอดไฟแบบวอร์มไวท์ อุณหภูมิของแสงสีอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 3,000 เคลวิน ให้แสงสว่างไปในโทนสีเหลือง อบอุ่น ช่วยให้ภายในห้องรู้สึกผ่อนคลาย เป็นแสงที่สบายตาที่สุด เหมาะกับการตกแต่งห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น
Cool white หลอดไฟแบบคูลไวท์ อุณหภูมิของแสงสีอยู่ที่ประมาณ 4,000 – 5,000 เคลวิน ให้แสงสว่างไปในโทนสีขาว สบายตา ส่วนใหญ่จะติดตั้งในห้องน้ำ ห้องครัว รวมถึงห้องทำงานด้วย
Daylight หลอดไฟแบบเดย์ไลท์ เป็นหลอดไฟแสงขาวที่สว่างที่สุด เหมือนแสงสว่างในธรรมชาติเลยก็ว่าได้ครับ อุณหภูมิของแสงสีอยู่ที่ 6,000 เคลวิน จึงทำให้มองเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับเป็นแสงในห้องทำงานมากที่สุดครับ เพราะช่วยให้สบายตาขณะนั่งทำงาน เนื่องจากเป็นแสงที่สบายตา ส่งผลต่อความรู้สึกกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง และช่วยให้การมองเห็นของสีที่ไม่ผิดเพี้ยน เหมือนสี Warm White แต่สำหรับบ้านที่เลือกใช้แสงสี Warm White เป็นองค์ประกอบให้กับห้องแล้ว แต่จำเป็นต้องนั่งทำงานในพื้นที่นั้น ๆ การเลือกใช้ โคมไฟตั้งโต๊ะ แทนการ
เปลี่ยนหลอดไฟ โดยเลือกใช้หลอดไฟสี Daylight ก็สามารถช่วยให้การนั่งทำงานระหว่างวันไม่อ่อนล้าได้ดีเช่นกัน หรือหากคนในครอบครัวต้องทำงานในช่วงเวลากลางคืน ที่แสงสว่างไม่เพียงพอ การเลือกใช้ โคมไฟ led ติดตั้ง เฉพาะจุด Accent Light (ไฟส่องเน้น) ก็ช่วยเรื่องสุขภาพของสายตาในระยะยาวได้เช่นกันครับ
ข้อควรระวังเมื่อเลือกใช้ “โคมไฟตั้งโต๊ะ”
1. เลี่ยง แสงไฟสะท้อน จาก โคมไฟตั้งโต๊ะ
แสงไฟสะท้อน ต้องเลี่ยง แม้จะมีโคมไฟคอยให้แสงสว่างในห้องทำงานที่ แสงไม่พอ แล้ว แต่อย่าลืมเลือกตำแหน่งในการจัดวางโคมไฟให้เหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีนะครับ เช่น จัดไปในมุมที่แสงสว่างสะท้อนมากจากด้านหลัง หรือด้านบนศีรษะ เพราะแสงจะส่งผลให้เกิดเงาพาดลงบนโต๊ะทำงาน และบริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ครับ วิธีแก้คือ ควรขยับ โคมไฟตั้งโต๊ะ ให้ห่างออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือหันโคมไฟเข้ากับผนังด้านหลังจอ เพื่อให้แสงสว่างสะท้อนกว้างขึ้น ก็จะสามารถช่วยลดเงา และทำให้การนั่งทำงานมีประสิทธิภาพ และสบายตามากขึ้น
2. ความสูงของโคมไฟ ต้องสัมพันธ์กับระยะแสงสว่าง
ความสูงของ โคมไฟตั้งโต๊ะ มีความสัมพันธ์กับระยะการส่องสว่างของแสงไฟ ดังนั้นไม่ควรเลือกโคมไฟที่มีความสูงเกินไปหรือเตี้ยเกินไป ควรเลือก โคมไฟตั้งโต๊ะ ที่มีความสูงรวมกับโต๊ะ ประมาณ 60 -64 นิ้ว เพื่อช่วยให้แสงสว่างกระจายได้ทั่วถึงระหว่างที่นั่งทำงานครับ
3. รูปทรงของโคมไฟ ก็สำคัญไม่น้อย
โคมไฟตั้งโต๊ะ ไม่เพียงแต่จะส่องสว่างระหว่างการใช้งานเท่านั้นนะครับ แต่ยังช่วยส่งเสริมให้ห้องทำงานภายในบ้านดูมีดีไซน์มากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกรูปทรงของโคมไฟให้สมดุลกับโต๊ะทำงาน ไม่เล็กจนทำให้โต๊ะดูกว้างเกินไป และไม่ใหญ่จนทำให้โต๊ะทำงานดูเล็กเกิน จนทำให้ไม่มีพื้นที่วางสิ่งของอื่น ๆ ครับ โดยทั่วไปแล้วขนาดของโคมไฟจะต้องไม่เกินหนึ่งเศษหนึ่งส่วนสองเท่าของความสูงของโต๊ะ และส่วนของโป๊ะควรจะอยู่ในระดับสายตาพอดี เพื่อป้องกันไม่ให้แสงสว่างส่องมาที่ตามากจนเกินไป นอกจากนี้ควรเลือก
โคมไฟที่ผลิตจากวัสดุที่มีน้ำหนักเบามากกว่าโคมไฟที่มีน้ำหนักครับ
แสงไม่พอ..ไม่เพียงแต่จะเป็นปัญหาในการทำงานเท่านั้นนะครับ แต่ยังส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของทุกคนในครอบครัวด้วย เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้ทุกห้องภายในบ้านดูสว่างขึ้น ตามที่
HomeGuru กล่าวไว้แล้วแต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศ ไม่ทำให้ห้องดูอึดอัด และส่งผลต่อความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะในห้องทำงานที่จำเป็นต้องใส่ใจทั้งองค์ประกอบของแสง การเลือก โคมไฟตั้งโต๊ะ หลอดไฟ led รวมถึงทิศทาง ตำแหน่งของโต๊ะ เพื่อให้กระตุ้นความรู้สึกผ่อนคลายในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพสายตาในระยะเวลายาวด้วยนะครับ
สอบถามบริการเกี่ยวกับระบบไฟเพิ่มเติม Facebook : Home Service by HomePro : m.me/Homeservicebyhomepro Line : https://lin.ee/uN8D4Zl หรือ @Homeproservice
Call Center : 1284 Mobile app : https://bit.ly/372RTMT