เทรนด์การดูแลสุขภาพ การทำอาหารทานเอง ได้รับความนิยมสูงมากในยุคปัจจุบัน สังเกตได้จากคลิปวิดีโอบน Youtube หากช่องไหนนำเสนอสอนการทำอาหารเมนูต่างๆ ช่องนั้นๆ จะได้รับความนิยมสูงมาก เพราะการทำอาหารทานเองทำให้เรารู้แหล่งที่มาของวัตถุดิบ มั่นใจได้ถึงความปลอดภัย ความสะอาดและประโยชน์จากสิ่งที่เราเลือกรับประทาน การทำอาหารที่ดี ไม่เพียงแค่ต้องรู้สูตรลับของเมนูเด็ดเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีสถานที่ประกอบอาหารที่ดีพร้อม รองรับการโขลก สับ และสามารถป้องกันกลิ่นอาหารหรือ กลิ่นครัวเหม็น ที่อาจกระจายฟุ้งฉุนไปทั่วทั้งบ้าน วันนี้จะชวนทุกคนมาทำอาหารด้วยตนเอง พร้อมกับนำแนวทางการปรับบ้านให้ปลอดกลิ่นอาหารตกค้าง เพื่อไม่ให้กลิ่นฉุนของอาหารเมนูไทย กระจายไปทั่วทั้งบ้าน
ปัญหา กลิ่นอาหาร ที่อบอวลภายในบ้าน สามารถแก้ไขได้ด้วยกลไกทางธรรมชาติและแก้ไขได้ด้วยเครื่องมือกระตุ้นต่างๆ สำหรับวิธีทางธรรมชาติ เพียงออกแบบบ้านให้มีองค์ประกอบของการระบายอากาศที่ดี โดยห้องครัวจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ไม่อับลม พร้อมกับมีช่องหน้าต่างหรือช่องระบายอากาศเข้าและช่องระบายอากาศออกเสมอ ย้ำว่าต้องมีช่องลมเข้าและช่องลมออกเท่านั้น เพราะหากมีหน้าต่างเพียงบานเดียว กลไกการระบายอากาศจะไม่สมบูรณ์ ช่องหน้าต่างหรือช่องระบายอากาศที่ดี ต้องอยู่ในทิศทางที่เหมาะสม ไม่มีวัตถุใดบดบัง เช่น ตู้เย็นหรือตู้ครัว มิเช่นนั้นจะขัดขวางการไหลของกระแสอากาศได้ กรณีบ้าน 2 ชั้นขึ้นไป หากชั้นบนมีห้องที่ตรงกับครัว ก่อนทำอาหารเมนูหนักๆ ควรตรวจสอบให้มั่นใจว่า ไม่มีห้องใดเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ มิเช่นนั้นกลิ่นที่ระบายออกไปแล้ว อาจไหลย้อนเข้าทางห้องอื่นๆ ได้เช่นกัน
หากการวางผังบ้านมีข้อจำกัดของพื้นที่ ไม่สามารถเลือกตำแหน่งในการ ระบายอากาศ ที่ดีได้ จำเป็นที่ต้องมีตัวช่วยมากระตุ้นเสริม อุปกรณ์แรกที่แนะนำเป็นพัดลมดูดอากาศ พัดลมดูดอากาศ มีกลไกเดียวกับการระบายอากาศตามหลักธรรมชาติ โดยพัดลมดูดอากาศจะรับอากาศภายนอกเข้ามา จากนั้นทำการดึงอากาศเสียและกลิ่นภายในบ้านออกไป การติดตั้งพัดลมดูดอากาศ ควรติดตั้งในทิศทางที่ตรงข้ามกันให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดการเคลื่อนตัวของกระแสอากาศผ่านพื้นที่ส่วนใหญ่ของห้อง จุดสำคัญในการติดตั้งโดยเฉพาะส่วนภายนอก ควรเลือกตำแหน่งที่ไม่มีกลิ่น เช่น ไม่อยู่ใกล้จุดทิ้งขยะ ท่อระบายน้ำเสีย เพราะจะเป็นการดูดรับกลิ่นเหม็นภายนอกเข้ามาแทนที่ สำหรับพัดลมดูดอากาศและพัดลมระบายอากาศมีให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น พัดลมดูดอากาศแบบติดผนัง พัดลมฝังฝ้าแบบต่อท่อหรือไม่ต่อท่อ, แบบติดกระจก เป็นต้น
ครัวในบ้านยุคใหม่ ส่วนใหญ่เป็นครัวลักษณะเปิดที่อยู่ในบริเวณเดียวกันกับพื้นที่อื่นๆ เช่น เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นหรือห้องรับประทานอาหาร ซึ่งแน่นอนว่าการกระจายกลิ่นขณะประกอบอาหารจะมีมากกว่าครัวปิด ดังนั้นวิธีการหนึ่งที่จะป้องกันและแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นอาหารได้ คือ การออกแบบประตูกั้นพื้นที่ครัวแบบไม่ติดตาย เพื่อให้สามารถเปิด-ปิดได้ เช่น ประตูกระจกแบบบานเลื่อนหรือประตูแบบบานเฟี้ยม ในขณะที่ทำอาหารเพียงแค่ปิดประตูให้สนิท เพื่อลดการกระจายของกลิ่นและควันไปยังห้องอื่นๆ
เครื่องดูดควัน เหนือเตาปรุงอาหาร เป็นหนึ่งในผู้ช่วยสำคัญของครัวยุคใหม่ ช่วยให้ควันและกลิ่นหายได้เร็วขึ้น ไม่สะสมอยู่ภายในบ้าน โดยทั่วไปเครื่องดูดควันมีด้วยกัน 2 ระบบ คือ ระบบท่อ (ducting) เป็นระบบที่บ้านส่วนใหญ่เลือกใช้ ทำการติดตั้งท่อต่อกับเพดานให้ปล่อยควันออกไปนอกบ้าน ยิ่งกำลังแรงดูดมากเท่าไหร่ก็จะทำให้อากาศถ่ายเทออกไปภายนอกได้รวดเร็วเท่านั้น ส่วนอีกระบบคือ หมุนเวียน (recycle) นิยมใช้ในครัวขนาดเล็กในห้องชุดหรือคอนโดมิเนียม มีฟิลเตอร์คาร์บอนช่วยดูดซับกลิ่นควัน กลิ่นเหม็น และช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ก่อนปล่อยควันออกไป เครื่องดูดควันลักษณะนี้จะเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านอีกด้วย
โดยปกติแล้วจุดประสงค์หลักของการซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้งาน คือ ต้องการตัวช่วยในการกรองอากาศภายในบ้านให้สะอาด โดยเฉพาะการลดฝุ่นละออง PM 2.5 ไมครอน ที่กำลังเป็นปัญหาในสังคมไทย แต่ทราบหรือไม่ว่า เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นสามารถขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน โดยเครื่องฟอกอากาศบางรุ่น จะมีฟังกชันและเทคโนโลยีพิเศษ เช่น ฟิลเตอร์กรองกลิ่น, Activated Carbon, การปล่อยประจุไอออน จึงช่วยรับมือกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ อย่างกลิ่นบุหรี่, ควันธูป, กลิ่นอาหาร, กลิ่นถังขยะ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นหากกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศ ก็ลองมองหารุ่นที่มีคุณสมบัติดังกล่าว จะได้เครื่องฟอกอากาศที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น
ครัวที่ดีไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องถูกสุขอนามัย จัดวางระบบการใช้งานภายในห้องครัวให้หยิบจับใช้งานสะดวกลงตัว ที่สำคัญ อย่าลืมคำนึงถึงฟังก์ชันงานระบบระบายกลิ่นและควัน เพื่อให้บรรยากาศภายในบ้านไร้สภาวะกลิ่นกวนใจ ทำให้ครัวสู้งานหนักได้สบายๆ ไม่ว่าเมนูไหนๆ ก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิก
เพื่อเพิ่มรายการโปรดของคุณ