พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ หนึ่งในพื้นบ้าน ที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้เป็นวัสดุในการตกแต่งพื้นบ้าน โดยเฉพาะกับห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องทำงาน เพราะ ไม้เอ็นจิเนียร์ เป็นพื้นไม้ที่มีลวดลายและผิวสัมผัสเสมือนไม้จริง เป็นธรรมชาติ ให้อารมณ์และความรู้สึกที่อบอุ่น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับครอบครัวที่เป็นสายอีโค่ด้วยแล้วต้องไม่พลาดในการเลือกใช้ ไม้เอ็นจิเนียร์ มาเป็นวัสดุปูพื้นบ้านเป็นอย่างแน่นอน แต่ก่อนการเลือกซื้อและติดตั้งพื้นบ้านด้วยพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
HomeGuru มีสาระความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ พร้อมไอเดียในการตกแต่งพื้นบ้านมาฝากทุกบ้านกันครับ
ทำความรู้จัก พื้นไม้เอ็นจิเนียร์
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ หรือ พื้นไม้ Engineering Wood เป็น
วัสดุปูพื้นบ้าน ที่ผลิตขึ้นจากไม้ป่าปลูกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยผ่านกระบวนการการแปรรูปด้วยเทคโนโลยีการอบแห้งที่ช่วยให้ เนื้อไม้มีความแข็งแรงคงทน ลวดลายและผิวสัมผัสมีความสวยงามเสมือนไม้จริง กันปลวกกันแมลง และมีราคาที่ไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นไม้จริงที่ได้จากธรรมชาติครับ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเรียกชื่อ พื้นไม้ Engineering Wood ตามผิวหน้า เช่น ไม้เอ็นจิเนียร์มะค่า ไม้เอ็นจิเนียร์โอ๊ค โดยมีโครงสร้างของเนื้อไม้แต่ละชั้นดังนี้ •
โครงสร้างชั้นบน หรือผิวหน้าไม้ของ พื้นไม้ Engineering Wood เป็นไม้จริงเช่น ไม้สัก ไม้โอ๊คธรรมชาติ ไม้มะค่า โดยจะมีความหนาอยู่ที่ 2-3 มิลลิเมตร •
โครงสร้างชั้นกลาง ของ พื้นไม้ Engineering Wood เป็นไม้เนื้อแข็งอัดสลับเสี้ยน ประมาณ 7-9 ชั้น เพื่อช่วยลดการหดและขยายตัวของพื้นไม้ พร้อมอัดน้ำยากันปลวกและแมลง •
โครงสร้างชั้นล่าง ของ พื้นไม้ Engineering Wood จะช่วยสร้างความแข็งแรง และความสมดุลให้กับพื้นไม้ ไม้ที่ใช้จึงเป็นไม้อัดเนื้อแข็ง ที่มีความแข็งมากกว่าโครงสร้างชั้นกลาง
จุดเด่นของ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์
• เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่า ไม้เอ็นจิเนียร์ จะเป็นไม้ที่ผลิตขึ้นจากไม้จริง แต่ก็เป็นไม้ที่ได้จากป่าปลูกไม่ใช่ไม้จริงที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ • ลวดลายและผิวสัมผัสเสมือนไม้จริง เพราะผิวสัมผัสด้านบนของหน้าพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ คือ ไม่จริง ลวดลายจึงเป็นลวดลายธรรมชาติให้ความรู้สึกอบอุ่น และมีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการและความเหมาะสมในการออกแบบตกแต่งบ้าน • ไม้เอ็นจิเนียร์ มีความแข็งแรงทนทาน ไม่โก่งตัว หรือยืดหดตามอุณหภูมิ เพราะตัวโครงสร้างด้านบนของเนื้อไม้ เป็นเนื้อไม้จริง • สะดวก ง่าย และรวดเร็วในการติดตั้ง เพราะมีน้ำหนักเบา หลังติดตั้งจึงสามารถใช้งานได้ทันที • พื้นไม้ Engineering Wood มีราคาที่ไม่สูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นไม้จริง จึงกลายเป็นวัสดุปูพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
จุดด้อยของ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์
• ควรติดตั้งบนพื้นเรียบ เพราะหากติดตั้ง พื้นไม้ Engineering Wood บนพื้นที่มีระดับไม่เท่ากันจะส่งผลให้เวลาเดินเกิดเสียงดัง • ผิวหน้าของ ไม้เอ็นจิเนียร์ ค่อนข้างบาง จึงง่ายต่อการเกิดรอยขีดข่วน และยากต่อการขัดซ่อมแซมให้เหมือนใหม่ จึงต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนครับ • การทำสีค่อนข้างยุ่งยาก และซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้ได้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่มีความสวยงาม • ไม่เหมาะสำหรับติดตั้งภายนอกบ้าน • ราคาของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ มีราคาสูงกว่า
พื้นไม้ลามิเนต พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ดูแลรักษาอย่างไร
สำหรับบ้านที่ตกแต่งพื้นด้วยพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ สิ่งหนึ่งที่ต้องระมัดระวังและดูแลรักษาคือ การป้องกันไม่ให้พื้นเป็นรอย โดยเฉพาะเวลาเคลื่อนย้าย
เฟอร์นิเจอร์ ส่วนใหญ่แล้วหลาย ๆ บ้านที่ติดตั้ง พื้นไม้ Engineering Wood จะนิยมตกแต่งพื้นบ้านเพิ่มเติมด้วยการปูพรม เพื่อช่วยเพิ่มลวดลายให้ภายในห้องสวย โดดเด่น และช่วยป้องกันพื้นเป็นรอยจากการใช้งาน ส่วนการทำความสะอาดก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากครับ เพียงใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาด หากต้องการใช้น้ำยาทำความสะอาด แนะนำให้เลือกใช้น้ำยาสำหรับทำความสะอาด พื้นไม้ Engineering Wood โดยตรง ไม่ควรใช้น้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอก เพราะจะทำให้พื้นเป็นรอยด่าง ยากต่อการซ่อมแซมให้สวยเหมือนเดิมครับ
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์เหมาะสำหรับติดตั้งภายในห้องใด
พื้นไม้ Engineering Wood เป็นวัสดุปูพื้นบ้านที่เหมาะสำหรับตกแต่งห้องภายในบ้าน โดยเฉพาะ
แต่งห้องนอน แต่งห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน เพราะตัว ไม้เอ็นจิเนียร์ เป็นไม้พื้นที่มีลวดลายธรรมชาติ ให้โทนสีที่อบอุ่น เมื่อนำไปติดตั้งภายในห้องจะช่วยให้ห้องโดดเด่น สวยงาม มีกลิ่นอายของไม้ในสไตล์ความเป็นธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ ความโมเดิร์น และความลักชัวรี่ให้กับการออกแบบตกแต่งมากยิ่งขึ้น
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ติดตั้งอย่างไร
การติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์สามารถติดตั้งได้ 2 รูปแบบ คือ ปูพื้นไม้เอ็นจิเนียร์แบบติดกาวPU และปูพื้นไม้เอ็นจิเนียร์แบบรองโฟมปรับระดับ ซึ่งทั้ง 2 วิธีมีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการ และลักษณะของพื้นเดิม ซึ่งจะแตกต่างอย่างไรบ้างนั้นมาดูกันครับ 1. การติดตั้ง พื้นไม้ Engineering Wood แบบติดกาว PU คือการติดตั้งพื้นไม้บนพื้นกระเบื้อง หรือพื้นซีเมนต์ โดยจำเป็นต้องทำความสะอาดพื้นผิวหน้าของพื้นซีเมนต์ขัดมันให้สะอาด ไม่มีฝุ่นเกาะ เพื่อช่วยให้การยึดติดแผ่นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์กับพื้นชั้นล่างแน่น และจำเป็นต้องวัดระดับของพื้นก่อนการปู โดยระดับพื้นต้องมีความต่างกันไม่เกิน 2 มิลลิเมตรต่อระยะ 1 เมตร •
ข้อดี การติดตั้งแบบกาว PU จะช่วยให้พื้นไม้มีความแน่นมากกว่า ตัว พื้นไม้ Engineering Wood จะไม่ยึดติดกับโครงสร้างพื้นชั้นล่าง •
ข้อเสีย หากเกิดความเสียหายจะไม่สามารถซ่อมแซมมได้ หรือทำได้ยาก จำเป็นต้องรื้อพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ทั้งผืนออกทั้งหมด แล้วทำการติดตั้งใหม่ 2. การติดตั้ง
พื้นไม้ Engineering Wood แบบรองโฟมปรับระดับ ได้รับความนิยมในการติดตั้ง เพราะติดตั้งได้รวดเร็วสามารถปูทับกับพื้นซีเมนต์เดิมได้โดยไม่ต้องขัดมัน หรือปูทับกับพื้นกระเบื้องแผ่นเดิมได้ทันที เหมือนกับการติดตั้งพื้นลามิเนต หลังจากการเตรียมพื้น ทำความสะอาดเรียบร้อย ให้ปรับระดับพื้นด้วยการปูแผ่นโฟมรองพื้นในระดับความหนาประมาณ 2 มิล เพื่อช่วยปรับระดับของพื้นให้มีความเรียบ ลดเสียงรบกวนขณะเดิน และให้ความรู้สึกนุ่มสบายเท้า •
ข้อดี หากพื้นเกิดความเสียหาย สามารถซ่อมแซมเฉพาะจุดที่เสียหายได้ โดยไม่ต้องรื้อปูใหม่ทั้งผืน •
ข้อเสีย หากติดตั้ง พื้นไม้ Engineering Wood ในระดับที่ไม่เท่ากัน เวลาเดินจะรู้สึกยวบ หรือยุบตัว
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ อีกหนึ่งวัสดุปูพื้นบ้านที่ไม่เพียงแต่จะให้ความสวยงาม อบอุ่น และเพิ่มความโดดเด่นให้กับทุกห้องภายในบ้านแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะครับ แต่ยังเป็นพื้นไม้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นไม้จากป่าปลูกที่ไม่ทำลายธรรมชาติ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับบ้านที่กำลังมองหาวัสดุปูพื้นในการออกแบบตกแต่งบ้าน หรือรีโนเวทบ้าน และสำหรับใครที่สนใจติดตั้ง พื้นไม้ Engineering Wood ตามที่
HomeGuru กล่าวไว้ข้างต้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ ควรหาช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการติดตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เพราะพื้นไม้เป็นวัสดุที่ต้องใช้งานในระยะยาว หากผิดพลาดอาจจะส่งผลให้เสียทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายที่บานปลายครับ
สอบถามบริการเพื่อสำรวจพื้นที่เพื่อติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต เพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Home Service by HomePro : m.me/Homeservicebyhomepro Line : https://lin.ee/uN8D4Zl หรือ @Homeproservice
Call Center : 1284 Mobile app : https://bit.ly/372RTMT โปรโมชั่นเพิ่มเติมจาก Home Service :
https://bit.ly/3Bj8Yzs