ไฟกระพริบ ไม่เพียงแต่ให้แสงสว่างที่ไม่เพียงพอต่อเจ้าของบ้านเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้รู้สึกไม่สบายสายตาตลอดการใช้งาน ซึ่ง ปัญหาไฟกระพริบ เป็นปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ LED หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ ที่ใช้มานานหรือเพิ่งเปลี่ยนใหม่ เจ้าของบ้านควรรีบแก้ไข เพื่อยืดอายุการใช้งานของหลอดไฟ แต่จะแก้ไขอย่างไรนั้น HomeGuru มีวิธีแก้ไขง่าย ๆ มาฝากทุกบ้านครับ
บัลลาสต์ เป็นอุปกรณ์ควบคุมกระแสไฟฟ้าให้ไหลผ่านไปยังหลอดฟลูออเรสเซนต์ และจุดหลอดฟลูออเรสเซนต์ เมื่อไฟที่บ้านมีลักษณะเป็นแสงไฟกระพริบ หรือ ไฟกระพริบไม่หยุด เริ่มแรกให้ลองถอด บัลลาสต์ออกเสียก่อน หากถอดแล้วไฟหยุดกระพริบ แนะนำให้เปลี่ยนตัวสตาร์ทเตอร์ใหม่ ซึ่งตัวสตาร์ทเตอร์จะทำหน้าที่คอยตัดต่อวงจรสตาร์ท เมื่อมีการเปิดสวิตช์วงจรไฟฟ้า ซึ่งการเปลี่ยนจะช่วยแก้ปัญหาไฟกระพริบได้ครับ
เมื่อแรงดันไฟฟ้าไม่เพียงพอส่งผลให้ ไฟ LED กระพริบ เหมือนไฟตก ซึ่งเจ้าของบ้านต้องสำรวจปริมาณการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ว่ามีการใช้ไฟพร้อมกันในปริมาณที่มากเกินไปหรือไม่ และตัวหม้อแปลงไฟฟ้านั้นมีขนาดเหมาะสมกับปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้านด้วยหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่แล้วบางบ้านนิยมใช้หม้อแปลงไฟเก่า ที่มีขนาดแรงดัน และกระแสไฟไม่เหมาะสม จึงทำให้ ไฟกระพริบไม่หยุด
โดยเฉพาะหลอดไฟ LED หากติดตั้งโดยการยึดน็อตเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้ทาซิลิโคนไว้ที่ตำแหน่งใต้ฐานหลอดกับตัวฮีทซิงค์ จะทำให้เกิดความร้อนสะสม จนส่งผลให้ ไฟ LED กระพริบ เหมือนไฟตก เพราะหน้าที่ของซิลิโคนคือ สามารถนำเอาความร้อนจากจุดเชื่อมต่อของโลหะได้ดี ทำให้ความร้อนเกิดการถ่ายเทจากหลอดไฟ LED ผ่านไปยังฮีทซิ้งค์ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ไฟกระพริบ และหลอดไปส่องสว่างเมื่อเปิดใช้งานครับ
ในลักษณะนี้มักเกิดขึ้นกับหลอดไฟที่ติดตั้งกับโคมไฟในบ้าน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกโคมไฟและขนาดของหลอดไฟที่มีขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่ หรือเล็กจนเกินไปเมื่อประกอบเข้าใช้งานด้วยกัน เพื่อให้ความร้อนอยู่ในระดับที่พอดี ไม่ร้อนจนเกินไป เพราะจะส่งผลให้เกิดไฟกระพริบ
แม้ว่าหลอด LED จะมีคุณสมบัติในการช่วยประหยัดพลังงานที่คุ้มค่า และเป็นที่นิยมใช้มากกว่าหลอดไส้แบบดั้งเดิม แต่ข้อเสียที่พบบ่อยของหลอดประเภทนี้คือมักเกิดไฟกระพริบเมื่อกดปิดสวิตช์ ซึ่งเหตุผลที่ไฟกระพริบก็มาจากหลายสาเหตุ เช่น การเชื่อมต่อติดตั้งไม่ถูกต้อง หลอดไฟมีความผิดปกติ หรือเกิดจากพลังงานแสงไฟในสวิตช์ครับ
เมื่อหลอดไฟภายในบ้านเกิดการกระพริบ ให้สังเกต หรือลองสัมผัสที่ตัวหลอดไฟว่ามีความร้อนเกิดขึ้นหรือไม่ หากมีความร้อนเกิดขึ้นต้องรีบแก้ไขทันที โดยเจ้าของบ้านต้องรู้ สาเหตุของ ปัญหาไฟกระพริบ ที่ HomeGuru ได้กล่าวไว้ข้างต้นเสียก่อนว่าเกิดจากการติดตั้ง หรืออุปกรณ์ในการติดตั้งมีสภาพเสื่อมไปตามระยะเวลา เพื่อจะได้แก้ไขได้ตรงจุด เพราะหากปล่อยละเลยไว้จะส่งผลให้หลอดไฟเสื่อม และเกิดความเสียหายมากกว่าเดิมครับ
ปัญหาไฟกระพริบ เป็นปัญหาที่ทุกบ้านไม่ควรมองข้าม หรือปล่อยทิ้งไว้จนเป็นปัญหาระยะยาวจนก่อให้เกิดอันตรายได้นะครับ การรู้จักสังเกต ป้องกัน และรู้วิธีแก้ไขเบื้องต้นตามที่ HomeGuru กล่าวไว้ข้างต้นจะช่วยให้ทุกบ้านแก้ไขปัญหา ไฟกระพริบ ได้ด้วยตนเองเบื้องต้นโดยไม่ต้องรอช่าง และที่สำคัญอย่าลืมเลือกวัสดุอุปกรณ์ หลอดไฟ ที่ได้มาตรฐาน ป้องกันไฟกระพริบ หรือไฟกระชาก และประหยัดไฟเบอร์ 5 อย่างหลอด LED เพื่อให้มั่นใจว่ามีคุณภาพ และไม่เป็นอันตรายต่อทุกคนในครอบครัวนะครับ
สอบถามบริการเกี่ยวกับระบบไฟเพิ่มเติม
Inbox เพจ Home Service by HomePro : m.me/Homeservicebyhomepro
Line : https://lin.ee/uN8D4Zl หรือ @Homeproservice
Call Center 1284
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิก
เพื่อเพิ่มรายการโปรดของคุณ