สว่านไร้สาย ถือเป็น
เครื่องมือช่างพื้นฐานอีกประเภทหนึ่งที่มีประโยชน์หลากหลาย ให้ความสะดวกสบายและตอบโจทย์การทำงานช่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้เจาะรูวัสดุได้หลายประเภท ทั้งงานเจาะไม้ เจาะโลหะ เจาะเซรามิก เจาะอลูมิเนียม บางรุ่นสามารถเจาะปูน คอนกรีต หรืออิฐได้ และยังใช้เป็นตัวช่วยขันน็อตหรือสกรูได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ช่วยประหยัดแรงได้เป็นอย่างดี ยิ่งในยุคปัจจุบันที่หลายคนเริ่มหันมาสนใจงาน DIY กันมากขึ้น สว่านไร้สายก็ยิ่งได้รับความนิยม
HomeGuru จึงขออาสาพาไปรู้จักกับเครื่องมือช่างประจำบ้านชิ้นนี้ให้มากขึ้นครับ
ทำความรู้จัก สว่านไร้สาย
สว่านไร้สาย หรือ สว่านแบตเตอรี่ เป็นเครื่องมือช่างที่ทำหน้าที่เป็นสว่านสำหรับงานเจาะ และทำหน้าที่เป็น
ไขควงสำหรับงานขัน
น็อตและสกรูต่างๆ อาศัยพลังงานไฟฟ้าที่กักเก็บไว้ในรูปแบบของแบตเตอรี่ในการทำงาน โดยไม่จำเป็นต้องมีสายไฟเพื่อเชื่อมต่อกับแหล่งไฟฟ้า แต่มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็น สว่านไฟฟ้าไร้สาย เพราะมีรูปลักษณ์ ประเภท และความสามารถในการทำงานเหมือนสว่านไฟฟ้าทุกอย่าง จึงไม่แปลกที่หลายคนอาจจะยังสับสนและเรียก สว่านแบตเตอรี่ ว่า สว่านไฟฟ้าไร้สาย อยู่ครับ สว่านไร้สายมีทั้งสว่านธรรมดาสำหรับงานเจาะไม้ , เหล็ก , อลูมิเนียม สว่านกระแทกสำหรับเจาะปูน , คอนกรีต , อิฐ และ
สว่านโรตารีที่ใช้สำหรับงานเจาะเหล็กเช่นเดียวกันกับสว่านไฟฟ้า แต่โดยรวมแล้วสว่านประเภทนี้จะมีแรงเจาะในระดับที่พอใช้งานได้ จึงนิยมใช้ในงานประเภทขันน็อตและสกรูกับงานเฟอร์นิเจอร์มากกว่า ทำให้หลายคนเรียกสว่านประเภทนี้ว่า
สว่านไขควงไร้สาย ครับ
ความแตกต่างของสว่านไฟฟ้ากับสว่านแบตเตอรี่
หากพิจารณาตามชื่อเรียกแล้ว ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด คือ แหล่งที่มาของแรงในการใช้งานครับ สว่านไฟฟ้าจะใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงาน จึงจำเป็นต้องมีสายไฟเพื่อเชื่อมต่อกับ
ปลั๊กไฟในขณะใช้งาน ส่วนสว่านไร้สาย หรือ สว่านแบตเตอรี่ จะใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานแทนการใช้ไฟฟ้า ความแตกต่างกันในจุดนี้เองที่ทำให้สว่านทั้งสองแบบมีข้อได้เปรียบและข้อจำกัดเฉพาะตัวดังนี้ครับ
1. ความแรงในการใช้งาน
หากเปรียบเทียบกันเรื่องพลังในการเจาะก็ต้องยอมรับว่าเครื่องมือช่างแบบมีสายนั้นถูกออกแบบมาให้มีความแรงสูงสุด และยังไม่มีแบตเตอรี่ใดที่สามารถให้กำลังความแรงได้เท่าไฟฟ้า ดังนั้นงานเจาะหนักๆ ต้องใช้แรงสูงจึงเหมาะกับสว่านไฟฟ้าที่มีแรงบิดสูงกว่า และให้แรงไฟฟ้าที่คงที่มากกว่า ในทางกลับกัน
เครื่องมือช่างที่ใช้แบตเตอรี่บางรุ่นเมื่อแบตเตอรี่อ่อนลง แรงบิดในการใช้งานก็จะอ่อนลงไปด้วย แต่ทั้งนี้หากเลือกกำลังโวลต์ที่เหมาะสมกับการใช้งาน สว่านไร้สายก็ใช้งานได้ดีไม่แพ้สว่านไฟฟ้าเลยครับ
2. น้ำหนักของตัวสว่าน
โดยทั่วไปสว่านไฟฟ้าจะมีน้ำหนักน้อยกว่าสว่านไร้สาย เนื่องจากสว่านไร้สายจะมีน้ำหนักที่มาจากแบตเตอรี่เพิ่มเติมขึ้นมา แต่สว่านไร้สายรุ่นใหม่ ๆ มักใช้แบตเตอรี่แบบลิเทียมไออนที่น้ำหนักเบาและมีขนาดเล็กกว่าแบตเตอรี่แบบนิกเกิลที่ให้ความแรงในการใช้งานเท่าๆ กัน อีกทั้งให้แรงบิดที่คงที่เท่าเดิม ไม่ว่าแบตเตอรี่จะเหลือเท่าไหร่ก็ตาม
3. ความสะดวกในการพกพา
ถือเป็นข้อดีที่โดดเด่นของสว่านไร้สาย เพราะปัจจัยในการทำงานช่างที่สำคัญข้อหนึ่งคือการเคลื่อนย้ายเครื่องมือเพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกในพื้นที่จำกัด เช่น การต้องนำเครื่องมือเข้าไปใช้งานในซอกมุมเล็กๆ การเลือกใช้เครื่องมือช่างแบบไร้สายจะช่วยให้การทำงานสะดวกสบายมากกว่า สามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัวและเป็นอิสระมากกว่า สามารถใช้งานในที่สูงหรือใช้งานนอกสถานที่ที่สายไฟไปไม่ถึง รวมถึงใช้งานในขณะฝนตกได้โดยไม่ต้องกลัวไฟดูดหรือไฟช็อตเลยครับ โดยรวมแล้วสว่านไร้สายถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับงานเบาๆ แต่ต้องการความหลากหลายอย่างงาน DIY เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายในบ้านที่ชิ้นงานไม่หนามากนัก เป็นเครื่องมือช่างที่ใช้งานง่าย ให้ความคล่องตัวสูง และมีให้เลือกใช้หลากหลายประเภท สำหรับสว่านไร้สาย
HomePro ก็มีให้เลือกทั้ง
สว่านไขควงไร้สาย ,
สว่านกระแทกไร้สาย และ
สว่านโรตารีไร้สายครับ
สว่านไร้สาย เลือกซื้ออย่างไรไม่ให้พลาด
เนื่องจากปัจจุบันสว่านไร้สายมีมากมายหลายยี่ห้อ และมีหลากหลายประเภทให้เลือกซื้อ ดังนั้นการเลือกซื้อสว่านไร้สายสักเครื่อง ผู้ใช้งานจะต้องคำนึงถึงความต้องการใช้งานของตนเองเป็นหลัก เพื่อให้สามารถเลือกอุปกรณ์ได้ตอบโจทย์การใช้งานให้ได้มากที่สุด โดยสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมีดังนี้ครับ
1. เลือกซื้อจากประเภทการทำงาน
หากต้องการใช้งานขันน็อต , สกรู หรือใช้งานเจาะวัสดุประเภทไม้ , เหล็ก , อะลูมิเนียม หรืองานทั่วๆ ไป สว่านไร้สายแบบธรรมดาก็สามารถตอบโจทย์ได้ครอบคลุมครับ แต่หากต้องการใช้งานเจาะวัสดุที่มีความแข็งแรงอย่างคอนกรีต , อิฐ , หินต่างๆ การเลือกใช้
สว่านกระแทกไร้สายจะให้กำลังสูงกว่า ส่วนสว่านโรตารี่ไร้สายนั้นจะเหมาะกับงานที่ต้องออกแรงมากในการเจาะหินหรือคอนกรีต แบ่งเป็นสว่านโรตารี่ 2 ระบบ สำหรับเจาะกระแทกและเจาะไม่กระแทก กับสว่านโรตารี่ 3 ระบบ สำหรับการเจาะกระแทก การเจาะไม่กระแทก และระบบสกัด ซึ่ง
สว่านไร้สาย HomePro ก็มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมครับ
2. เลือกซื้อจากกำลังโวลต์
โดยทั่วไปแล้วสว่านไร้สายจะบอกกำลังไฟเป็นโวลต์ (V) สว่านไร้สายที่ต้องการใช้งานทั่วไปภายในบ้านสามารถเลือกที่กำลังโวลต์ประมาณ 12 – 18 โวลต์ ก็เพียงพอครับ ส่วนกำลังโวลต์ต่ำๆ จะเหมาะกับงานช่างเบาๆ อย่างงานประกอบ
เฟอร์นิเจอร์ เปลี่ยนบานพับหรือมือจับตู้ เป็นต้น สว่านไร้สายที่กำลังโวลต์สูงๆ จะเป็นพวกสว่านกระแทกไร้สาย หรือสว่านโรตารี่ไร้สายสำหรับงานหนักๆ อย่างงานเจาะคอนกรีต , อิฐ , ปูนครับ
3. เลือกซื้อจากแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ในสว่านไร้สายจะมีทั้งแบตเตอรี่แบบนิเกิล และแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน ซึ่งทั้งสองแบบนี้จะแตกต่างกันครับ แบตเตอรี่แบบนิกเกิลจะมีน้ำหนักมาก เมื่อต้องการชาร์จจำเป็นต้องปล่อยให้แบตเตอรี่หมดก่อน เพราะหากชาร์จไฟทั้งๆ ที่แบตเตอรี่ยังไม่หมดจะเกิดอาการที่เรียกว่าแบตเตอรี่จดจำ ทำให้เมื่อชาร์จอีกรอบความจุจะลดลง และเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด แรงบิดก็จะตกลงไปด้วย แตกต่างกับแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออนที่มีน้ำหนักเบากว่ามาก และไม่จำเป็นต้องปล่อยให้แบตเตอรี่หมดก่อนทำการชาร์จ แต่แนะนำให้ชาร์จแบตเตอรี่เมื่อแบตเตอรี่ต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมครับ ข้อดีอีกข้อของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนคือได้แรงบิดเท่าเดิม แม้แบตเตอรีจะเหลือเท่าไหร่ก็ตาม
สว่านไร้สาย ถือเป็นอีกทางเลือกของผู้ที่มองหา
เครื่องมือช่างที่ใช้ทำงานได้หลากหลาย และช่วยทุ่นแรงได้ดี หรือเป็นอีกตัวช่วยของผู้ที่ใช้งานสว่านไฟฟ้าเป็นหลักให้สามารถใช้งานบางประเภทได้คล่องตัวมากขึ้น และถือเป็นเครื่องมือช่างอีกชิ้นหนึ่งที่
HomeGuru แนะนำให้มีติดบ้านไว้เลยครับ