เลือกที่นอนอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง

เลือกที่นอนอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง

การเลือกที่นอนที่ถูกใจสักหลัง หลายคนคงคิดว่าแค่เพียงกดๆ แตะๆ นั่งทิ้งน้ำหนักนิดๆ ตรงมุมที่นอนเพียงไม่กี่นาทีก็ได้สัมผัสที่ถูกใจแล้ว หากคุณกำลังคิดแบบนั้น ต้องบอกเลยว่าคุณกำลังคิดผิด และอาจผิดหวังเมื่อได้ที่นอนกลับบ้านมาใช้งานจริง การนอนที่ดีต้องไม่เป็นสาเหตุของความไม่สบายต่างๆ อย่างอาการปวดหลัง ปวดคอ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวหลังตื่นนอน ฉะนั้นการเลือกที่นอนที่ดีที่สุดจึงต้องทดลองใช้เวลาในการนอนอย่างไม่เขินอาย และ HomeGuru ขอแนะนำเคล็ดลับดีๆ ที่ต้องรู้ เพื่อให้คุณสามารถเลือกที่นอนที่ดีที่สุดสำหรับคุณเอง...

เลือกที่นอนให้เหมาะกับวัย

หลักการเลือกที่นอนข้อแรก คือการเลือกให้เหมาะกับผู้ใช้งานเป็นหลัก เพราะคนเรามีพฤติกรรมการนอน และความชอบแตกต่างกัน อย่างเด็กๆ มักจะชอบที่นอนนุ่มๆ ซึ่งก็ไม่ควรให้นุ่มเกินไป เพราะอาจทำให้การจัดระเบียบร่างกายไม่ดีนัก ส่งผลต่อกระดูกสันหลังในระยะยาว ส่วนผู้ใหญ่นั้นมีปัจจัยเพิ่มเติมว่านอนเดี่ยวหรือนอนคู่ ถ้าคุณไม่ได้นอนคนเดียว ต้องจูงมือคู่ของคุณมาทดลองนอนพร้อมกันด้วย เพราะที่นอนสำหรับสองคนควรเป็นที่นอนแบบ Pocket Spring ที่ไม่มีแรงสั่นสะเทือนรบกวนคนข้างๆ เวลาพลิกตัว และควรต้องแชร์ความชอบเรื่องระดับความนุ่ม ความแน่น ในระดับที่พอใจกันทั้งคู่ด้วย จะได้หลับสบายกันทั้งสองคน แต่ถ้านอนคนเดียวก็สามารถเลือกที่นอนได้ตามใจชอบ สำคัญที่ต้องสามารถรองรับสรีระได้ดี ไม่ทำให้เกิดการปวดหลังหรือไม่สบายตัวตามมาครับ

ที่นอนผู้ใหญ่ต้องแน่นแต่ไม่นุ่ม

ไม่ว่าจะเป็นที่นอนเพื่อพ่อแม่ของเรา หรือเพื่อผู้สูงวัยในบ้าน การเลือกที่นอนต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเลือกที่นอนที่ค่อนข้างแน่น ไม่นุ่มเกินไป เพราะจะทำให้กระดูกสันหลังโค้งงอ ปวดหลังเวลานอน เวลาลุกนั่งก็ยากลำบาก แต่หากที่นอนแข็งเกินไปก็จะทำให้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ จึงควรเลือกที่มีความแน่นกำลังดี โดยคำนึงถึงเรื่องสรีระ รวมทั้งเรื่องความสูงของเตียงที่เมื่อรวมกับที่นอนแล้วต้องให้สูงพอดีกับความสูงของผู้นอน โดยวัดจากด้านข้างเตียงแล้วมีความสูงไม่เกิน 45 ซม. หรือวางขาแล้วตั้งฉากกับพื้นพอดี จะช่วยให้ลุกนั่งได้สะดวกไม่เกิดการมึนงงครับ

เลือกที่นอนให้เหมาะกับตัวเอง 

 

นุ่ม แน่น แข็ง แบบไหนเหมาะกับเรา?

ความนุ่มของที่นอนนั้นมีหลายระดับแตกต่างตามลักษณะสปริงและวัสดุภายใน ลองมาดูว่าสรีระและความชอบแบบเราเหมาะกับที่นอนแบบใดกันครับ... ชอบนอนแข็งและปวดหลังบ่อย คุณเหมาะกับที่นอนยางพารา เพราะเป็นที่นอนที่มีความยืดหยุ่นสูง นุ่มพอสมควร อายุการใช้งานยาวนาน สามารถระบายความร้อนได้ดี ให้ความสบายเวลานอน และยังเหมาะสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวค่อนข้างมากด้วยครับ

เลือกที่นอนให้เหมาะกับตัวเอง

ที่นอนที่ดี ควรทำให้หลับได้อย่างสบายใจ[/caption] ชอบนอนนุ่มๆ ให้ที่นอนดูดวิญญาณ คุณเหมาะกับที่นอนสปริง เพราะมีความยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี มีการเพิ่มความนุ่มสบายด้วยชั้นวัสดุรองรับแบบต่างๆ เช่น Memory Foam, ยางพารา , ฟองน้ำ , ใยฝ้ายอัดแน่น ฯลฯ เหนือชั้นสปริงด้านล่างมีทั้งสปริงแบบ Pocket Spring ที่แยกตัวเป็นอิสระ ไม่มีแรงสะเทือนรบกวนคนนอนข้างๆ ในกรณีเป็นที่นอนคู่ และสปริงแบบ Bonnel Spring ซึ่งเป็นสปริงแบบเหลี่ยมที่รองรับน้ำหนักได้ดี ที่นอนแบบนี้จะเหมาะกับคนที่มีน้ำหนักตัวปานกลางหรือน้ำหนักตัวน้อย และชอบที่นอนนุ่มๆ ครับ ชอบนอนนุ่มแต่แน่น คุณเหมาะกับที่นอนยางสังเคราะห์ หรือโฟมสังเคราะห์อัดแน่น เพราะมีทั้งความนุ่มและแน่น ยืดหยุ่นรองรับสรีระ เหมาะกับคนที่มีอาการปวดหลัง มีน้ำหนักตัวปานกลางหรือน้ำหนักตัวน้อย และชอบความนุ่มแบบแน่นๆ ครับ

เลือกที่นอนให้เหมาะกับตัวเอง

 

เลือกที่นอนให้เหมาะกับตัวเอง 

 

นุ่มขึ้นอีกด้วยท็อปเปอร์

ที่นอนที่หนาและสูง ไม่ได้หมายความว่าจะให้ความสบายที่เหมาะกับสรีระของเรา ความสูงของที่นอนทั่วไปจะอยู่ที่ขนาด 6” , 8” , 12” และ 14” ความต่างของความสูงนั่นคือการเพิ่มท็อปเปอร์เสริมความพิเศษต่างๆ ให้เกิดความนุ่ม ซึ่งมีการใช้วัสดุหลากหลายในการเพิ่มความนุ่มนี้ เช่น การใช้ Memory Foam , Latex , ฟองน้ำ , ใยฝ้ายอัดแน่น ฯลฯ ซึ่งแต่ละความนุ่มก็มีราคาที่แตกต่างกันไปครับ

เคล็ดลับดูแลที่นอน ยืดอายุการใช้งาน

  • กลับที่นอนหัว-ท้าย ทุกๆ 3 เดือน สำหรับที่นอนที่สามารถนอนได้ด้านเดียว และกลับหัว-ท้าย รวมทั้งพลิกด้านหน้า-หลังทุกๆ 3 เดือนเช่นกัน สำหรับที่นอนที่ออกแบบเพื่อนอนได้ 2 ด้าน เพื่อให้ที่นอนได้คืนตัวกลับมาแน่นอีกครั้ง
  • ระบายอากาศภายในที่นอนด้วยการเปิดหน้าต่างห้องนอนให้ลมโกรก หรือให้แสงแดดส่องเข้ามาถึง เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียไปในตัว
  • ไม่รีดผ้าบนที่นอนเด็ดขาด หรือวางของร้อนๆ บนที่นอนเด็ดขาด เพราะความร้อนจะทำให้วัสดุต่างๆ ภายในชั้นที่นอนเสื่อมคุณภาพและเสียหายได้
  • อย่าให้ที่นอนเปียกน้ำ เพราะความชื้นจะยิ่งทำให้วัสดุภายในเสียหายและเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น
  • ควรปูผ้ารองกันเปื้อนที่เคลือบสารป้องกันไรฝุ่นแบบถอดซักได้ก่อนปูทับด้วยผ้าปูที่นอน เพื่อช่วยถนอมที่นอนและป้องกันคราบเหงื่อไคลต่างๆ
  • ไม่ควรยืนหรือกระโดดบนที่นอน เพราะอาจทำให้สปริงเกิดการเสียหายได้
  • หากต้องขนย้ายที่นอน ไม่ควรหักหรืองอที่นอนระหว่างเคลื่อนย้าย เพื่อไม่ได้ที่นอนเสียทรง

กำจัดไรฝุ่นป้องกันภูมิแพ้

อย่าละเลยเรื่องการทำความสะอาดที่นอน เพราะส่วนประกอบความนุ่มภายในที่นอน ทั้งฟองน้ำ, ใยฝ้ายอัดแน่น รวมถึงขนสัตว์ต่างๆ เมื่อใช้ไปนานๆ แล้ว หากไม่ใส่ใจดูแลก็อาจกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของตัวไรฝุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดภูมิแพ้ได้ เพราะที่นอนเป็นสิ่งที่เราสัมผัสอย่างใกล้ชิดวันละกว่า 7-8 ชม. ดังนั้น สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้หรือมีความเสี่ยงก็ต้องใส่ใจเรื่องการทำความสะอาดที่นอนเป็นพิเศษด้วยการดูดฝุ่นพลังสูงเฉพาะสำหรับที่นอน เพื่อทำลายแหล่งอาหาร ฆ่าเชื้อโรคภายในที่นอนเป็นประจำทุก 3 เดือน รวมถึงเลือกใช้ที่นอนที่มีการเคลือบสารป้องกันไรฝุ่นและผ้ารองกันเปื้อนที่เคลือบสารป้องกันไรฝุ่นด้วย เพื่อกันไม่ให้ไรฝุ่นต่างๆ มาโดนตัวเราโดยตรง ช่วยลดการเกิดภูมิแพ้ได้

เลือกที่นอนให้เหมาะกับตัวเอง

ทิปส์เด็ดเคล็ดลับที่คุณมักอายที่จะทำเมื่อต้องมาเลือกที่นอน แต่เราอยากให้คุณลอง..แต่งตัวในชุดทะมัดทะแมงเพื่อมาทดลองนอนให้เจอที่นอนแบบที่ชอบ ไม่ต้องรีบร้อน ใช้เวลาในการเลือกให้เต็มที่ อย่าเกรงใจพนักงานเด็ดขาด ควรใช้เวลาอย่างน้อยสัก 10-20 นาที หรือลองนอนให้รู้สึกว่าจะเคลิ้มหลับได้ยิ่งดี แล้วคุณจะได้คำตอบที่ใช่ ว่าที่นอนแบบนี้แหละ..เหมาะกับคุณ


สอบถามบริการดูดไรฝุ่นที่นอน และพ่นฆ่าเชื้อโรคที่นอนเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Home Service by HomePro : m.me/Homeservicebyhomepro Line : https://lin.ee/uN8D4Zl หรือ @Homeproservice Call Center : 1284 Mobile app : https://bit.ly/372RTMT


ปัญหาเรื่องบ้านที่น่าสนใจ

เพิ่มสินค้าจำนวน ชิ้นลงรถเข็นแล้ว
{product_name}
จำนวน1 ชิ้น
สินค้าแนะนำ